ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2566 ระบุว่า ยอดคนไทยในอิสราเอล เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอลเพิ่มขึ้น รวมเป็น 20 ราย ถูกจับเป็นตัวประกันรวม 14 คน รัฐบาลกำลังเร่งประสานให้ความช่วยเหลือ ขณะยอดแรงงานไทยแจ้งกลับบ้านล่าสุด 5,019 คน
สำหรับภารกิจในการให้ความช่วยเหลือคนไทย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลไทยและอิสราเอล พร้อมสรุปสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ให้คนไทยได้รับทราบความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันได้ปิดการให้บริการกงสุล (หนังสือเดินทาง, ทะเบียนราษฎร, บัตรประชาชน และการตรวจลงตรา) ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อให้เจ้าหน้าที่มุ่งช่วยเหลือคนไทย
โดยเฉพาะการเตรียมอพยพแรงงานเพื่อเดินทางกลับไทย และชี้แจงสิทธิประโยชน์ที่เคยได้รับ และความเป็นไปได้ของการเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอล สำหรับผู้ที่ประสงค์ขอขึ้นเครื่องบินอพยพเพื่อเดินทางกลับไทย
ในช่วงนี้เราจึงเห็น “พรรณนภา จันทรารมย์” เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ โทรศัพท์ทางไกล แถลงข่าว ร่วมกับ "กาญจนา ภัทรโชค" อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง
“พรรณนภา”เคยดำรงตำแหน่งเป็นกงสุลใหญ่ สถานกงสุลใหญ่ไทยประจำนครแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 “พรรณนภา จันทรารมย์” เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ยื่นพระราชสาส์นตราตั้ง เป็นเอกอัคร ราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำรัฐอิสราเอล ต่อนาย Reuven Rivlin ประธานาธิบดีอิสราเอล ณ ทำเนียบประธานาธิบดีอิสราเอล