วันนี้ (24 ตุลาคม 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ขอถอนวาระการเสนอขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ออกจากที่ประชุมครม. เพื่อไปหารือกับสำนักงบประมาณให้ได้ข้อสรุป หลังจากเสนอวงเงินเข้ามา 223,615.51 ล้านบาท แต่ถูกตัดไปกว่า 6,000 ล้านบาท
สำหรับวงเงินงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เสนอเข้ามาในครั้งนี้ 223,615.51 ล้านบาท แบ่งเป็น
สำหรับกรอบวงเงินดังกล่าว ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ได้วงเงินเสนอไปยังสำนักงบประมาณ พิจารณาตามขั้นตอน แต่ได้รับการตัดงบจากข้อเสนอลง ทั้งการตัดงบของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 221,528.95 ล้านบาท เหลือเพียง 215,938.06 ล้านบาท ส่วนงบบริหาร 2,086.56 ล้านบาทนั้น สำนักงบประมาณ แจ้งว่า จะสนับสนุนงบประมาณให้ตามความจำเป็นต่อไป
ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ได้แจ้งต่อครม.ถึงความจำเป็นของการเสนอของบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า เนื่องจากในปี 2567 รัฐบาลมีนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค พลัส ซึ่งมีบริการใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาก เช่น บริการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือการให้บริการที่รวดเร็วขึ้น ถ้าหากตัดงบประมาณลงไปจะทำให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายได้
ด้วยเหตุนี้ รมว.สาธารณสุข จึงขอถอนออกไป เพื่อไปหารือกับสำนักงบประมาณอีกรอบให้ได้ข้อสรุป จากนั้นจึงจะนำกลับมาเสนอยังที่ประชุมครม.อีกครั้ง โดยที่ประชุมครม. มอบหมายให้ กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. หารือกับสำนักงบประมาณ ให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับงบประมาณต่อไป
“สำนักงบประมาณ ไม่ได้ให้เหตุผลถึงการตัดงบประมาณของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติลง แต่ทาง รมว.สาธารณสุข เป็นกังวลว่า การเสนอของบประมาณในปี 2567 เพิ่มขึ้นมาแค่ 8% หรือเพิ่มจากปีก่อนประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่ตัดงบประมาณไปถึง 5,000-6,000 ล้านบาท ถือเป็นวงเงินใหญ่ จึงขอไปหารือกับสำนักงบประมาณก่อน”