วันนี้ (26 ตุลาคม 2566) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงแนวทางช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากอิสราเอลว่า กระทรวงแรงงาน เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อขอจัดสรรงบกลาง นำมาช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับความเดือดร้อนและอาจมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ หลังจากเดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล
“รัฐบาล จะช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบกลุ่มนี้ โดยนอกเหนือจากการชดเชยรายได้เป็นเงิน 15,000 บาท อาจจะต้องเสนอนายกฯ เพื่อจัดสรรงบกลางมาเยียวยาเพิ่มเติม แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับนายกฯ จะพิจารณาว่าดำเนินการได้หรือไม่” นายพิพัฒน์ ระบุ
พร้อมกันนี้ กระทรวงแรงงาน ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดช่วยกันแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่นเดียวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่แรงงานไทยจะได้รับทั้งหมด เพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น รวมทั้งการดึงสถาบันการเงินของรัฐเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน หรืออาจมีแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมเช่นการพักหนี้ให้กับแรงงานที่เดือดร้อนด้วย
ขณะที่การอพยพแรงงานไทยจากอิสราเอลกลับประเทศ ล่าสุดมีจำนวนแรงงานไทยลงทะเบียนขอเดินทางกลับประเทศแล้ว 8,500 คน โดยเดินทางกลับมาถึงแล้วประมาณ 5,500 คน เฉลี่ยวันละ 500-800 คน ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทยอยเดินทางกลับมาได้หมดภายในสิ้นเดือนตุลาคม 2566 นี้
อย่างไรก็ตามปัจจุบันกระทรวงแรงงาน ยังพบว่า มีจำนวนแรงงานไทยอีกกว่า 20,000 คน ซึ่งยังไม่ได้ลงทะเบียนขอเดินทางกลับประเทศ โดย รมว.แรงงาน ยอมรับว่า กระทรวงแรงงานจะประสานหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อหาทางพาคนไทยกลับมาให้มากที่สุด และที่ผ่านมาก็ได้รับมอบนโยบายในเรื่องนี้จากนายกรัฐมนตรีแล้ว
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ ยังได้หารือร่วมกับพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา และคณะอนุกรรมาธิการฯ ที่เข้าประชุมหารือประเด็นด้านแรงงาน และกล่าวถึงสถานการณ์แรงงานไทยในประเทศอิสราเอลว่าได้มีการขับเคลื่อนตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งมีการประสานงานให้แรงงานไทยที่กลับจากประเทศอิสราเอลมีช่องทางการทำงานภายหลังกลับจากประเทศอิสราเอล เช่น การไปทำงานที่ประเทศเกาหลี หรือพื้นที่ที่ขาดแคลนแรงงานในประเทศไทย รวมทั้งยังมีนโยบายขับเคลื่อนให้กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจให้ได้
สำหรับการหารือร่วมกันระหว่าง รมว.แรงงาน และคณะกรรมาธิการการแรงงาน มีประเด็นหารือที่อยู่ในการพิจารณาศึกษา ประกอบด้วย