ผลงานรัฐบาล 2 เดือน เฉือนรายได้เกือบ 2 หมื่นล้าน อุ้มน้ำมันดีเซล-เบนซิน

31 ต.ค. 2566 | 23:40 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ย. 2566 | 03:17 น.

เปิดผลงานรัฐบาล 2 เดือน “เศรษฐา ทวีสิน” คลอดมาตรการทางด้านภาษี ทั้งการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามติน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้รัฐต้องสูญเสียรวมกันเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ทำงานเข้าสู่เดือนที่ 2 เป็นที่เรียบร้อย พร้อมทยอยคลอดนโยบายที่เคยสัญญาไว้ตอนหาเสียงออกมาแบบนันสต๊อป โดยเฉพาะมาตรการทางด้านภาษี ทั้งการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และ ภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้รัฐต้องสูญเสียรวมกันแล้วเป็นเงินเกือบ 2 หมื่นล้านบาท แต่ก็อยู่บนหลักการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน

สำหรับรายละเอียดของผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ แยกเป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้

 

ผลงานรัฐบาล 2 เดือน เฉือนรายได้เกือบ 2 หมื่นล้าน อุ้มน้ำมันดีเซล-เบนซิน

ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล

การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เป็นผลมาจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2.50 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ครอบคลุมน้ำมันดีเซล 8 กลุ่ม ประกอบด้วย

  1. น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันเกิน 0.005% อัตราภาษีเดิมลิตรละ 6.440 บาท เหลือลิตรละ 3.940 บาท 
  2. น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกิน 0.005% อัตราภาษีเดิมลิตรละ 6.440 บาทเหลือลิตรละ 3.940 บาท
  3. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่เกิน 4% อัตราภาษีเดิมลิตรละ 6.440 บาท เหลือลิตรละ 3.940 บาท 
  4. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลฯผสมอยู่เกิน 4% แต่ไม่เกิน 7% อัตราภาษีเดิมลิตรละ 5.990 บาท เหลือลิตรละ 3.670 บาท
  5. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลฯผสมอยู่เกิน 7% แต่ไม่เกิน 9% อัตราภาษีเดิมลิตรละ 5.930 บาท เหลือลิตรละ 3.630 บาท
  6. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลฯผสมอยู่เกิน 9% แต่ไม่เกิน 14% อัตราภาษีเดิมลิตรละ 5.800 บาท เหลือลิตรละ 3.550 บาท
  7. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลฯผสมอยู่เกิน 14% แต่ไม่เกิน 19% อัตราภาษีเดิมลิตรละ 5.480 บาท เหลือลิตรละ 3.360 บาท
  8. น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลฯผสมอยู่เกิน 19% แต่ไม่เกิน 24% อัตราภาษีเดิมลิตรละ 5.153 บาท เหลือลิตรละ 3.153 บาท

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิต ประเมินว่า การลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 2.50 บาทต่อลิตร จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีประมาณเดือนละ 5,000 ล้านบาท รวม 3 เดือน คาดว่าจะสูญเสียรายได้รวมเป็นเงิน 15,000 ล้านบาท

 

ผลงานรัฐบาล 2 เดือน เฉือนรายได้เกือบ 2 หมื่นล้าน อุ้มน้ำมันดีเซล-เบนซิน

ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน

การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำเบนซิน เป็นผลมาจากการประชุมครม. เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566  ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 ครอบคลุมน้ำมันเบนซิน 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

  1. น้ำมันเบนซินชนิดไร้สารตะกั่ว มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 6.500 บาท ลดเหลือลิตรละ 5.500 บาท
  2. น้ำมันเบนซินนอกจาก (1) มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 6.500 บาท  ลดเหลือลิตรละ 5.500 บาท
  3. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 10 มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 5.850 บาท ลดเหลือลิตรละ 4.950 บาท
  4. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 5.200 บาท ลดเหลือลิตรละ 4.400 บาท
  5. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 มีอัตราภาษีตามปริมาณในอัตราลิตรละ 0.975 บาท ลดเหลือลิตรละ 0.825 บาท

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิต ประเมินว่า การลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินลง 1 บาทต่อลิตร จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีประมาณเดือนละ 900 ล้านบาท รวม 3 เดือน คาดว่าจะสูญเสียรายได้รวมเป็นเงิน 2,700 ล้านบาท

สรุป : หากรวมการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน ลงตามนโยบายรัฐบาล จะทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีรวมแล้วเป้นเงินกว่า 17,700 ล้านบาท