เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา “ไทบ้าน สตูดิโอ” ได้ปล่อยผลงานภาพยนตร์ใหม่คืนสู่หน้าจอเงินอีกครั้ง รอบนี้กลับมาพร้อมกับการนำเสนอภาพยนตร์เรื่อง “สัปเหร่อ” ที่ล่าสุดทำรายได้พุ่งทยานสูงถึง 700 ล้านบาท ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน (5 ต.ค.66 - 3 พ.ย.66) นับเป็นผลงานที่สร้างปรากฏการณ์ทำรายได้มากที่สุดของ “ไทบ้าน”
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านโนนคูณในจักรวาลไทบ้าน เล่าถึงชีวิต เจิด เด็กหนุ่มวัย 25 ปีที่เรีนนจบกฎหมาย 7-8 ปี มีพ่อทำอาชีพ สัปเหร่อ เขาหวังจะไปสอบเป็นทนายหรือปลัดอำเภอ แต่ต้องมาช่วยพ่อเป็นสัปเหร่อ เพราะพ่อมีอาการป่วยจนต้องมาช่วยพ่อทำงาน แต่ลังเลเพราะเกิดเป็นคนที่กลัวผีมากๆ และต้องมาทำงานกับศพ
เซียง ผู้อกหักจากคนรักและพยายามบวชเพื่อลืมแฟนเก่า(ใบข้าว) แต่สุดท้ายต้องมาเจ็บปวดเพราะใบข้าวตาย และทำใจไม่ได้จึงหาวิธีที่จะเจอ กับใบข้าวในโลกหลังความตาย จึงเรียนรู้และศึกษาทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับการเจอคนที่ตายไปแล้ว ไปปรึกษาพ่อเจิดที่รอการทำพิธีถอดจิตไปโลกความฝันสามารถเจอคนที่ตายแล้วได้ พ่อเจิดมีข้อแลกเปลี่ยนในการทำพิธีให้โดยเซียงต้องมาช่วยเจิดทำงานสัปเหร่อ เพราะเจิดเป็นคนที่กลัวผีมากๆ และต้องมาทำศพแทนพ่อ เซียงเป็นคนสุดท้ายที่พอจะได้ทำพิธีถอดจิตให้ก่อนตาย สุดท้ายทุกอย่างมีเวลาของมัน มันคือธรรมชาติของความจริง ทุกคนเรียนรู้และเข้าใจการยื้อและการเสียคนที่รักจากไป
เป็นการนำเสนอเรื่องราวและเหตุการณ์ชีวิตของผู้คนในจักรวาลไทบ้าน ที่กระแสความนิยมก็ยังคงเปรี้ยงปร้างอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญกำลังเตรียมก้าวกระโดดไปโกอินเตอร์ไกลถึงต่างประเทศแล้ว โดยกลุ่มประเทศที่ “ไทบ้าน” เตรียมส่ง “สัปเหร่อ” ไปฉายสู่สายตาผู้ชมต่างประเทศนั้น มีการปักหมุดเป็นประเทศในเอเชีย รวม 9 ประเทศ ได้แก่
และหลังจากที่ทาง “ไทบ้าน” ได้มีการประกาศรายชื่อประเทศที่จะนำภาพยนตร์ “สัปเหร่อ” ไปฉายเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่ากระแสตอบรับดีมากๆ เนื่องจากมีคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศตั้งตารอรับชมกันอย่างเนืองแน่น นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเลยก็ว่าได้
ทางด้าน ต้องเต-ธิติ ศรีนวล ผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง “สัปเหร่อ” เผย เตรียมตัวพร้อมออกเดินทาง และขอบคุณผู้สนับสนุนทุกคน ทั้งนี้ เหล่าแฟนๆ ภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศแห่ร่วมคอมเมนต์แสดงความยินดี พร้อมส่งกำลังใจให้กับทีมงานและส่งเสียงชื่นชมผลงานของ “ไทบ้าน” ในครั้งนี้ พร้อมทั้งอวยพรให้เติบโตและขยายฐานผู้ชมมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
จากกระแสความปังของภาพยนตร์ฝีมือคนไทยอย่าง “สัปเหร่อ” ที่ดูท่าจะไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ง่ายๆ รวมถึงยังได้รับความสนใจและพูดถึงอยู่อย่างต่อเนื่อง คาดในอนาคตอาจโกอินเตอร์ไปสู่สายตาผู้คนในประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ และอาจสามารถทำรายได้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย