เรื่องนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ศึกษาความเป็นไปได้การขึ้นเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างรัฐ เพื่อรายงาน ครม.รับทราบภายในเดือน พ.ย.2566
โดยการศึกษานั้น จะเป็นการทำงานร่วมกัน 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงาน ก.พ. , สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ มีการประชุมนัดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 10 พ.ย.66 และจะมีการหารืออีกครั้งก่อนเสนอกลับไปที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีความชัดเจนภายในเดือน พ.ย. นี้ แน่นอน
ทั้งนี้ ไม่มีการปรับฐานเงินเดือนมาตั้งแต่ปี 2558 แล้ว โดยรัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายปรับเงินเดือนข้าราชการระดับปริญญาตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570 เพื่อจูงใจให้บุคลากรคุณภาพมีความสนใจเข้าสู่ระบบราชการมากขึ้น
แหล่งข่าวระบุว่า ในการหารือมีข้อเสนอขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ ครอบคลุมข้าราชการประจำ ลูกจ้างของรัฐ ข้าราชการทหาร ตำรวจ รวมทั้งข้าราชการเกษียณที่รับเงินบำเหน็จ บำนาญ อาจจะต้องใช้เงินงบประมาณเพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท
เพื่อไม่เป็นการใช้งบประมาณที่มากเกินไป จึงมีการเสนอให้ทยอยขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โดยในระยะแรกเน้นข้าราชการรายได้น้อย เพราะใช้งบปไม่มาก ส่วนข้าราชการระดับสูงที่เงินเดือนสูงจะปรับขึ้นน้อยกว่าเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ขณะที่โครงสร้างงบประมาณรายจ่ายปี 2567 มีรายจ่ายประจำที่รวมเงินเดือนข้าราชการและเงินเดือนลูกจ้าง รวม 2.61 ล้านล้านบาท จากวงเงินรวม 3.48 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 75.28% ของทั้งหมด หากขึ้นเงินเดือนทั้งระบบ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ตามมาอาจจะอยู่ที่เฉลี่ย 8-10% หรือคิดเป็นเงินมากกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี
ย้อนดู 5 รัฐบาลปรับเงินเดือนข้าราชการ
รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
ปี 2547
ปรับค่าตอบแทนภาคราชการ 3% เท่ากันทุกอัตรา
งบประมาณ 11,000 ล้านบาท/ปี
ปี 2548
ปรับค่าตอบแทนภาคราชการ 5% ให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกประเภท
งบประมาณ 16,400 ล้านบาท/ปี
รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
ปี 2550
การปรับปรุงค่าตอบแทนภาคราชการ เท่ากันทุกตำแหน่ง 4%
งบประมาณ 17,000 ล้านบาท/ปี
ปี 2551
การช่วยเหลือการครองชีพข้าราชการระดับต้น
ขยายเพดานเงินเดือน
รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ปี 2551
ปรับบัญชีเงินเดือน ขั้นต่ำ-ขั้นสูง และเงินประจำตำแหน่ง 4%
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
31 ม.ค.2555
การปรับปรุงค่าตอบแทนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ตามระดับคุณวุฒิการศึกษา
งบประมาณ 18,000 ล้านบาท/ปี
10 เม.ย.2555
ปรับเงินเดือนแรกบรรจุและการปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ
งบประมาณปีที่ 1 +5,010 ล้านบาท , ปีที่ 2 +7,135 ล้านบาท
รัฐบาล คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปี 2557
การยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ระบบเงินเดือนแบบขั้น ปรับเพิ่ม 1 ขั้น
ระบบเงินเดือนแบบช่วง ปรับ 4%
ข้าราชการผู้ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูง ได้ค่าตอบแทนพิเศษ
งบประมาณ 22,900 ล้านบาท/ปี
สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สามารถขึ้นเงินข้าราชการได้ทั้งระบบ เพราะได้มีการปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ ลดขนาดข้าราชการลงมากพอสมควร ขณะที่หนี้สาธารณะต่อจีดีพีของไทย ณ ขณะนั้น อยู่ระดับ 43.3% ซึ่งถือว่าต่ำมาก (ปัจจุบันอยู่ที่ 62.14% ต่อจีดีพี)
ปัจจุบันผ่านเกือบ 10 ปี มีการขยายหน่วยงานราชการ รวมถึงตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ไม่น้อย ทำให้ต้องมีข้าราชการและลูกจ้างเพิ่มขึ้น จึงทำให้การขึ้นเงินเดือนยากกว่าในอดีต ประกอบกับสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ในระดับสูง ทำให้การขึ้นเงินเดือนข้าราชการมีข้อจำกัด
ทั้งนี้ ถ้าเศรษฐกิจโตได้ปีละ 5-6% อย่างต่อเนื่อง รายได้ภาครัฐก็จะเพิ่ม ทำให้การคลังในอนาคตก็จะไม่มีปัญหา แม้จะปรับฐานเงินเดือนข้าราชการขึ้นประมาณ 10% ก็สามารถทำได้
ดังนั้น การลดขนาดระบบราชการและการเพิ่มประสิทธิภาพจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงการขยายเวลาเกษียณอายุราชการ เพื่อควบคุมวงเงินข้าราชการบำนาญไม่ให้แซงวงเงินสำหรับเงินเดือนข้าราชการประจำด้วย และที่สำคัญคือ ต้องทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้