นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ออกมาอยู่ที่ 1.5% ส่วนประเทศเพื่อนบ้านตัวเลขเศรษฐกิจออกมาต่ำสุดก็อยู่ที่ 3%
ทั้งนี้ อินโดนีเซีย เวียดนาม ถือเป็นคู่แข่งสำคัญที่จะแย่งแหล่งทุนของเรา ตัวเลขเศรษฐกิจก็ขยายตัวได้กว่า 5% มากกว่าไทยถึง 3 เท่า ทั้งนี้ เป็นเรื่องของการตีความว่าวิกฤตมีความจำเป็นหรือไม่
“ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ไม่ได้พลาด 0.1-0.2% ซึ่งสภาพัฒน์คาดว่าจะขยายตัวได้ 2% ก็หายไปถึง 0.5% ถือว่าสูงมาก เป็นสัญญาณของความเร่งด่วนในการออกมาตรการ คือว่าเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เราคิดนั้นเป็นจริง”
ขณะที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)กู้เงิน สำหรับโครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ท 10,000 บาท กว่าจะออกมามีความเป็นห่วงเรื่องเสียงสะท้อนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นตำแหน่งที่สูง มีหลายภาคส่วนที่ต้องแก้ไขปัญหา เสียสมาธิ เสียกำลังใจคงไม่มีสิทธิ และมีข้ออ้างไม่ได้ ยืนยันว่า ไม่เสียสมาธิ
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ส่งเรื่องแผนการออกพ.ร.บ.กู้เงินเพื่อนำมาใช้จ่ายในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลยังคงยืนยันถึงความจำเป็นในการดำเนินนโยบายดังกล่าว
ส่วนกรณีผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจากนิด้าโพลออกมา สะท้อนความคิดเห็นประชาชนไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัลนั้น มองว่ายังมีประชาชนที่เห็นด้วยอยากให้แจกเงินดิจิทัลก็มี ซึ่งเป็นเพียงการสะท้อนความคิดเห็น
ทั้งนี้ โครงการ e-Refund ประชาชนที่อยู่ในฐานระบบภาษีสามารถเข้าร่วมได้ทั้งหมด แม้ว่าจะได้รับสิทธิจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทแล้ว