นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 1/2566 เบื้องต้นที่ประชุมได้มีการหารือติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงและโครงการในสัญญาที่อยู่ระหว่างรอลงนาม รวมถึงเร่งรัดให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบในสัญญาที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างด้วยความละเอียดรอบคอบ โดยมีความคืบหน้า ดังนี้
1. โครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร งานโยธาจาก 14 สัญญา ก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 สัญญา อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 สัญญา และอยู่ระหว่างจัดซื้อจัดจ้าง 2 สัญญา คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาเพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้างงานโยธาได้ทั้งหมด 14 สัญญา ภายในปี 2567 ปัจจุบันความก้าวหน้าโดยรวมร้อยละ 28.61 คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2571
2. โครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย ระยะทาง 356 กิโลเมตร ปัจจุบันได้ออกแบบงานโยธาแล้วเสร็จโดยที่ประชุมได้เร่งรัดให้ รฟท. นำส่งรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและเสนอคณะกรรมการ รฟท. อนุมัติก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับการเตรียมการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านการรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 31 อยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดวัน เวลา และสถานที่การประชุม โดยกระทรวงคมนาคมจะได้หารือร่วมกับฝ่ายจีนอย่างใกล้ชิดเพื่อหาข้อสรุปการจัดทำรายงานผลดำเนินงานความคืบหน้าของโครงการและแนวทาง การขับเคลื่อนการปฏิบัติงานเพื่อให้โครงการรถไฟความเร็วสูงแล้วเสร็จโดยเร็วสามารถรองรับการใช้งานของประชาชนได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพต่อไป
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ไทย-จีน สัญญา 3-5 โคกกรวด-นครราชสีมา ระยะทาง 12.38 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 7,750 ล้านบาท ได้สั่งการให้รฟท.เจรจากับชาวบ้านและพิจารณาว่าทางเลือกใดจะมีความเหมาะสมทั้งเวลาและงบประมาณ เบื้องต้นจะเลือกแนวทางที่ 4 ซึ่งเป็นการก่อสร้างทางยกระดับ ระยะทาง 7.3 กม. คาดว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 67
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เร่งรัดการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างไทย-ลาว-จีน ให้เกิดขึ้นก่อนภายในปี 71 เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าชายแดนตามนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะการเชื่อมเข้าสถานีนาทา CY จังหวัดหนองคาย พร้อมทั้งเร่งรัดโครงการสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หนองคาย-เวียงจันทน์ แห่งที่ 2 ขณะนี้กรมทางหลวง (ทล.) ได้ศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ วิศกรรมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น วงเงิน 48 ล้านบาท เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้รฟท.จะรับไปดำเนินการออกแบบรายละเอียดและดำเนินการก่อสร้างต่อไป อย่างไรก็ตามจะนำข้อมูลในที่ประชุมครั้งนี้รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้าการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทย-จีน หรือ JC ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ต่อไป
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ที่ประชุมให้เร่งรัดใหดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หนองคาย-เวียงจันทน์ แห่งที่ 2 วงเงิน 2-3 พันล้านบาท ขณะนี้ รฟท. อยู่ระหว่างเตรียมว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการฯ และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งจะใช้งบประมาณในการดำเนินงาน 25 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้เวลาออกแบบประมาณ 1 ปี คาดว่าจะเปิดประมูลและเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2568
นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า ส่วนของแนวทางแก้ไขปัญหาสัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นช่วงใช้โครงสร้างร่วมกับโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ในวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. จะมีการหารือร่วม 3 ฝ่าย ระหว่าง รฟท. ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และตัวแทนจากบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เอกชนคู่สัญญา เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน จากเดิมที่จะมีการประชุมในวันนี้
“รฟท.มีแนวทางแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น หากการเจรจาร่วมกับภาคเอกชนยังไม่ได้ข้อสรุป ทาง รฟท.จะเดินหน้าลงทุนก่อสร้างทางร่วมช่วงดังกล่าวไปก่อน และเรียกเก็บค่าก่อสร้างจากเอเชีย เอรา วัน ในภายหลัง เพื่อให้งานก่อสร้างช่วงสัญญา 4-1 ไม่ล่าช้า”