“สกพอ.” เคาะฟีดเดอร์ระบบราง รุกไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน

19 ก.ย. 2566 | 09:01 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ย. 2566 | 09:01 น.

“สกพอ.” เดินหน้าเปิดรับฟังความเห็นประชาชน รอบ 2 ลุยเคาะแนวเส้นทางเมืองใหม่อีอีซี-ระยอง 20 กม. เล็งใช้ฟีดเดอร์ระบบราง หนุนไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี เปิดเผยว่า สกพอ.ได้จัดการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 สรุปผลคัดเลือกรูปแบบการพัฒนาโครงการจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นของระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงกับการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินกับการพัฒนาเมืองใหม่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 

 

สำหรับการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในครั้งที่ 2 ทาง สกพอ. และที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอข้อมูลแนวเส้นทางและรูปแบบระบบขนส่งมวลชนรองของโครงการ  โดยโครงการได้ศึกษาโครงข่ายให้มีการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างพื้นที่เมืองใหม่กับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน จำนวน 3 แนวเส้นทาง ได้แก่ 1.แนวเส้นทางด้านเหนือ เมืองใหม่ อีอีซี – สถานีรถไฟความเร็วสูงศรีราชา 2.แนวเส้นทางด้านตะวันตก เมืองใหม่ อีอีซี – สถานีรถไฟความเร็วสูงพัทยา 3.แนวเส้นทางด้านใต้ เมืองใหม่ อีอีซี – สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา 

ทั้งนี้จากผลการเปรียบเทียบความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ และผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นทั้ง 3 แนวเส้นทาง พบว่า แนวเส้นทางด้านใต้ เมืองใหม่ อีอีซี – สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา เป็นแนวเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด เพื่อนำมาเป็น โครงการนำร่อง เพื่อศึกษาแนวเส้นทางและออกแบบรูปแบบแนวคิดเบื้องต้นของโครงการ  

 

นอกจากนี้ที่ปรึกษาโครงการฯ ยังได้คัดเลือกแนวเส้นทาง สำหรับการออกแบบรูปแบบแนวคิดเบื้องต้น 4 แนวเส้นทาง ดังนี้ แนวเส้นทางที่ 1 จุดเริ่มต้นพื้นที่เมืองใหม่ อีอีซี ผ่านทางหลวงหมายเลข 331 -ทางหลวงหมายเลย 332 - ทางหลวงหมายเลข 3 และไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา แนวเส้นทางที่ 2 จุดเริ่มต้นพื้นที่เมืองใหม่ อีอีซี ผ่านทางหลวงหมายเลข 331 - มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ผ่านทางหลวงหมายเลข 3 และไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา 

ส่วนแนวเส้นทางที่ 3 จุดเริ่มต้นพื้นที่เมืองใหม่ อีอีซี ผ่านถนนตามแนวผังเมือง ญ.16 -ทางหลวงหมายเลข 3376 -ทางหลวงหมายเลข 3 และไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา แนวทางเลือกที่ 4 จุดเริ่มต้นพื้นที่เมืองใหม่ อีอีซี ผ่านถนนตามแนวผังเมือง ญ.16 - ทางหลวงหมายเลข 3 และไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา 

 

จากการคัดเลือกแนวเส้นทาง พบว่า แนวเส้นทางที่ 2 มีความเหมาะสมมากที่สุด โดยแนวเส้นทางมีจุดเริ่มต้น บริเวณพื้นที่เมืองใหม่ อีอีซี จากนั้นจะเป็นทางยกระดับเหนือทางหลวงหมายเลข 331 (ใกล้กับสถานีตำรวจภูธรห้วยใหญ่) โดยทางยกระดับจะยาวต่อเนื่องประชิดเขตมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (เขาชีจรรย์ เขาชีโอน) จากนั้นยกระดับข้ามทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) และไปจุดสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา ผ่านพื้นที่ 2 จังหวัด 3 อำเภอ จังหวัดชลบุรี อำเภอบางละมุง และ อำเภอสัตหีบ จังหวัดระยอง อำเภอบ้านฉาง รวมระยะทาง 20 กิโลเมตร  
 
รายงานข่าวจาก สกพอ. กล่าวต่อว่า ส่วนการคัดเลือกรูปแบบระบบขนส่งมวลชนรองที่มีความเหมาะสมกับโครงการนำร่อง สามารถแบ่งได้ 2 กลุ่มหลัก ดังนี้  กลุ่มที่ 1 รถโดยสารที่วิ่งบนถนน โดยใช้พลังงานไฟฟ้า (Road - (Tire) based system) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.ระบบรถไฟฟ้าล้อยาง บังคับด้วยมนุษย์ เช่น รถโดยสารทั่วไป (Conventional Bus) รถโดยสารด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit : BRT) 2.ระบบรถไฟฟ้าล้อยาง นำร่องและบังคับอัตโนมัติด้วยทางเสมือน (Rubber Tire Vehicle with Virtual Track) เช่น รถโดยสารอัตโนมัติ (Automated Rapid Transit : ART)  

 

กลุ่มที่ 2 ระบบรางที่วิ่งบนทางเฉพาะ (Fixed guideway-based system) แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1.ระบบรถไฟฟ้าล้อเหล็ก (Conventional Rail-based) เช่น รถไฟฟ้าขนาดเบา/รถราง (Light Rail Transit : LRT/ Tram) รถรางบนทางรถไฟ (Tram-train) 2.ระบบรถไฟฟ้าร่วมสมัย (Contemporary Transit System) เช่น รถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) รถไฟฟ้าอัตโนมัติไร้คนขับ (Automated Guideway Transit : AGT / Automated People Mover : APM) หรือ รถไฟแม่เหล็กไฟฟ้า (Urban Maglev)  

 

ขณะเดียวกันจากการคัดเลือกรูปแบบระบบขนส่งมวลชนรองที่เหมาะสม พบว่า รูปแบบระบบราง มีความเหมาะสมที่สุด ในการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนี้ ที่ปรึกษาโครงการฯ จะนำรูปแบบระบบขนส่งมวลชนรองนี้มาออกแบบรูปแบบแนวคิดเบื้องต้นของโครงการนำร่องและจะนำเสนอผลสรุปในการประชุมครั้งต่อไป  

 

อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุมครั้งนี้ สกพอ.และที่ปรึกษาโครงการฯ จะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมประชุม มาปรับใช้และพัฒนาโครงการให้มีความเหมาะสมกับประชาชนในพื้นที่โครงการให้มากที่สุด พร้อมทั้งจะดำเนินการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังความคิดเห็นและประชาสัมพันธ์รายละเอียดข้อมูลโครงการไปสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่โครงการได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป