เปิดผลสำรวจความพร้อม"การเกษียณอายุแห่งชาติ" พบคนไทยความพร้อมการเงินต่ำ

19 ธ.ค. 2566 | 14:23 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ธ.ค. 2566 | 14:23 น.

เปิดผลสำรวจความพร้อม"การเกษียณอายุแห่งชาติ" พบคนไทยความพร้อมการเงินต่ำ แนะเพิ่มทักษะการเงิน การลงทุน สนับสนุนการออม อย่างเร่งด่วนจากภาครัฐและภาคเอกชน เหตุไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์

ศาสตราจารย์ ดร. วิเลิศ ภูริวัชร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยรายงานวิเคราะห์ผลตัวเลขดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณอายุแห่งชาติว่า คนไทยมีความพร้อมด้านการเงินต่ำ

ทั้งนี้ ควรเพิ่มทักษะการเงิน การลงทุน รวมถึงสนับสนุนการออมอย่างเร่งด่วนจากภาครัฐและภาคเอกชน โดยนโยบายความพร้อมทางด้านการเงินแห่งชาติ เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต้องเตรียมการโดยเร็วเนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์  ประชากรสูงวัยจะมีโอกาสประสบปัญหาด้านรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น ค่ารักษาพยาบาล ในขณะที่รายได้คงที่หรือลดลง ทำให้เกิดความยากลำบากด้านการเงิน  

อย่างไรก็ดี การสำรวจและศึกษาสถาณการณ์ความพร้อมด้านการเกษียณอย่างรอบด้าน จะช่วยให้การวางนโยบายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  และสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาได้ตรงจุด  

เปิดผลสำรวจความพร้อม"การเกษียณอายุแห่งชาติ" พบคนไทยความพร้อมการเงินต่ำ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. รัฐชัย ศีลาเจริญ หัวหน้าภาควิชาการธนาคารและการเงิน คณะบัญชี จุฬาฯ กล่าวว่า ในงานสัมมนาทางวิชาการหัวข้อนโยบายความพร้อมทางด้านการเงินแห่งชาติ ได้มีการนำเสนอแนวคิดและวิธีการประเมินความพร้อมเพื่อเข้าสู่วัยเกษียณไว้หลายมิติ ครอบคลุมทั้งมิติด้านการเงินและด้านคุณภาพชีวิต 

อีกทั้งยังมีรายงานผลวิเคราะห์ตัวเลขดัชนีความพร้อมด้านการเกษียณอายุแห่งชาติ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อสถาณการณ์ความพร้อมในปัจจุบัน โดยผลสำรวจจากประชาชนวัยทำงานปี พ.ศ. 2566 ทั่วทุกภาคของประเทศไทยกว่า 2,400 คน ชี้ให้เห็นว่าตัวเลขดัชนีความพร้อมในการเกษียณอายุของประเทศในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 49.3% สะท้อนว่าคนไทยมีความพร้อมในระดับปานกลาง และสูงขึ้นเล็กน้อยจากผลสำรวจในปี พ.ศ. 2564  

อย่างไรก็ตามความพร้อมด้านการเงินของคนไทยยังอยู่ในระดับต่ำที่น่ากังวล โดยปัจจัยสำคัญที่ควรได้รับการสนับสนุนอย่างเร่งด่วน ได้แก่ การพัฒนาทักษะทางการเงินและการลงทุนของประชาชน และการสนับสนุนด้านการออมอย่างทั่วถึงจากภาครัฐและภาคเอกชน 

ดร.สันติธาร เสถียรไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานเสวนา ว่า ทักษะทางการเงิน ทักษะทางดิจิทัล และการใช้ Digital Banking ในไทยถึงรูปแบบการทำธุรกรรมกับธนาคารที่เปลี่ยนไปสู่รูปแบบ digital banking ว่า จะเกิดมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรวางแนวทางในการทำให้คนไทยมีความพร้อมในการใช้บริการทางการเงินอย่างปลอดภัย ซึ่งตอกย้ำว่าการพัฒนาทักษะทางการเงินและทักษะทางดิจิทัลของประชาชน เป็นสิ่งที่ต้องเร่งส่งเสริม