แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการขยายเวลาสิทธิประโยชน์ภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ( Eco Car) โดยให้คงพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ในอัตรา 14% จาก 17% ออกไปอีก 2 ปี จากเดิมที่มาตรการจะหมดอายุในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2568
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติแห่งชาติ ได้มีการหารือเรื่องอัตราภาษี และมีการพิจารณาผลกระทบในด้านต่าง ๆ ทั้งผลดีและผลเสีย โดยให้ข้อมูลกับ ครม.ว่าการขยายระยะเวลามาตรการภาษีอีโคคาร์ออกไปอีก 2 ปี เพื่อให้มีระยะเวลาสิ้นสุดไปพร้อมกันกับรถยนต์อีโคคาร์รุ่นที่ 2 เนื่องจากรถยนต์อีโคคาร์เป็น Product Champion ของไทย โดยมีคุณสมบัติเด่นในด้าน "สะอาด ประหยัด ปลอดภัย" สอดคล้องกับทิศทางและมาตรฐานการพัฒนายานยนต์โลก
ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคระบาดและการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) กระทบต่อการประกอบกิจการและการปรับเปลี่ยนการผลิตอีโคคาร์ไปสู่รถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน
อีกทั้งมีความเห็นว่าการขยายระยะเวลาลดภาษีสรรพสามิตรถอีโคคาร์ที่ 14% ออกไปอีก 2 ปี นั้นควรเป็นการขยายครั้งสุดท้าย เพื่อส่งสัญญาณให้มีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีไปสู่รถยนต์ EV ซึ่งประเทศไทยให้การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีรถยนต์ไปสู่รถอีวีตามนโยบายของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ครม. ยังมอบหมายให้ กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต รับไปดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนเพื่อให้การสนับสนุนให้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียานยนต์อย่างราบรื่นและเป็นขั้นตอนต่อไป
รวมทั้งเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางและมาตรการเพื่อพัฒนารถยนต์อีโคคาร์ และรถกระบะในระยะต่อไปให้เป็นไปในทิศทางที่สอดรับกับแนวทางการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติด้วย