แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมออกแพ็กเกจมาตรการมาสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อ และถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนด้วย ผ่านการต่ออายุสำหรับการลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01%
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างศึกษาการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV (Loan to Value Ratio) เนื่องจากปัจจุบันเกณฑ์กำหนดของ LTV ค่อนข้างเข้มงวด โดยการเข้มงวดของเกณฑ์ดังกล่าว จะพิจารณาตามภาวะฟองสบู่ ซึ่งวันนี้ยังไม่เห็นสัญญาณของฟองสบู่ และปัจจุบันนี้อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับที่สูง จากในที่ผ่านมาดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ ที่ 0.50% ขณะที่ปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่สัดส่วน 2.50% ฉะนั้น โอกาสที่จะมีการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไรก็มีโอกาสน้อยลง
ทั้งนี้ การผ่อนคลายเกณฑ์ LTV จะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีช่องในการซื้อขายมากยิ่งขึ้น ซึ่งภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นซัพพลายเชนขนาดใหญ่ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยมีผู้ได้รับอานิสงค์จำนวนมาก ซึ่งห่วงโซ่ท้ายที่สุดลงไปถึงกรรมกร ช่างทาสี และช่างปูน เป็นต้น
“การใช้มาตรการผ่อนเกณฑ์ LTV ไม่ต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการ แต่ก็สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังเคยคุยกับธปท.แล้ว แต่ธปท.ยังมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องผ่อนเกณฑ์ดังกล่าว แต่เราจะมีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหาแนวทางดำเนินการอีกครั้ง ซึ่งเรามองว่าการผ่อนเกณฑ์นี้ไม่ได้มีความเสี่ยง ไม่มีสัญญาณฟองสบู่ ”
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า หากรัฐบาลมีการผ่อนเกณฑ์ LTV จะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ที่คิดจะซื้อบ้านยังติดในเกณฑ์ของ LTV อยู่ค่อนข้างมาก เพราะบ้านหลังเก่ายังผ่อนไม่หมด จะซื้อหลังใหม่ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากขอสินเชื่อได้ไม่เต็มจำนวน
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุด ของภาคอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล แสดงให้เห็นว่า การขายบ้านทุกๆ ระดับราคา ลดลงหมดทั้งตลาด โดยเฉพาะบ้านราคาที่อยู่ระดับ 3-5 ล้านบาท ลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งแปลว่า กำลังซื้อของคนกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกำลังซื้อหลัก เพราะคนไทยซื้อบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทเป็นส่วนใหญ่ สะท้อนว่ากลุ่มหลักที่มีกำลังซื้อกลับเป็นไม่มีกำลังซื้อจากเกณฑ์ LTV พอสมควร