นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณา “ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ” 2567 ของแรงงานทั่วประเทศ โดยมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง หรือ ไตรภาคี ที่มีมติให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ วันละ 2–16 บาท ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
ทั้งนี้หลังจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมครม. ในครั้งนี้แล้ว ได้มีการหารือกันว่า ในการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างรอบใหม่ จะมีการประชุมอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า ประมาณเดือนมกราคม 2567 เพื่อกำหนดขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรอบใหม่ คาดว่าจะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้อีกครั้งในเดือนนาคม 2567 ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นเพียงปีละ 1 ครั้งอีกต่อไป เพื่อให้ระดับค่าแรงขั้นต่ำของพี่น้องแรงงานอยู่ในระดับที่เหมาะสม
“เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ จะพยายามปรับให้สูงขึ้น เพื่อประกาศใช้อีกครั้งในเดือนนาคม 2567 ใหม่อีกรอบ โดยที่ไม่จำเป็นที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรงครั้งเดียวในแต่ละปี โดยดูตัวเลขที่เหมาะสมกับรายอำเภอ และรายอาชีพจริง ๆ ที่ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นายกฯ ระบุ
สำหรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ปี 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการค่าจ้าง หรือไตรภาคี ครั้งล่าสุดที่ประชุมไปเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ยึดมติคณะกรรมการเดิมในการปรับ “ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ” ปี 2567 ไว้ตามมติเดิม คือ ปรับเพิ่มขึ้นอัตราวันละ 2-16 บาท เฉลี่ย 2.37% สูงสุด 370 บาท
ส่วนข้อสังเกตจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นั้นทางคณะกรรมการค่าจ้างเห็นชอบเรื่องนี้โดยจะนำไปพิจารณาปรับสูตรค่าจ้างใหม่ โดยวันที่ 17 มกราคม 2566 จะลงนามแต่งตั้งอนุกรรมการปรับสูตรคำนวณค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ส่วนการปรับค่าจ้างครั้งที่ 2 นั้นจะเป็นช่วงใดจะพิจารณาอีกครั้ง
โดยรายละเอียดของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2567 มีการปรับอัตราสูงสุดในจังหวัดภูเก็ต วันละ 370 บาท และอัตราต่ำสุดในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา วันละ 330 บาท ซึ่งหากผ่านการรับทราบมติจากครม. แล้ว จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป