‘ภูมิธรรม’ ถกทูตออสเตรเลีย ชวนลงทุนธุรกิจสีเขียว

26 ธ.ค. 2566 | 06:51 น.
อัพเดตล่าสุด :26 ธ.ค. 2566 | 07:15 น.

‘ภูมิธรรม’ รมว.พาณิชย์ ถกทูตออสเตรเลีย พัฒนายุทธศาสตร์การค้า ชวนลงทุนเทคโนโลยีสีเขียว ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้อง เร่งพัฒนาการค้า แก้ไขกฎระเบียบ เตรียมเสนอผลการหารือในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ รวันที่ 4-6 ม.ค. 67 ณ นครเมลเบิร์น ออสเตรเลีย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้พบกับนางสาวแอนเจลา แม็กดอนัลด์ เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย โดยไทยเห็นว่า ออสเตรเลียเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยในภูมิภาคแปซิฟิก และเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดในการขับเคลื่อนและพัฒนายุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจร่วมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนการค้าและการลงทุน และส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกัน 

นอกจากนี้ ไทยและออสเตรเลียยังมีความแนบแน่นในด้านเศรษฐกิจ และมี FTA ร่วมกันใน 3 กรอบ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายโอกาสด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ได้แก่

  • เขตการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)
  • เขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA)
  • ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) 

ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี 2040 ของออสเตรเลียที่มุ่งส่งเสริมการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการออสเตรเลียในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งไทย โดยเฉพาะในสาขาที่มีศักยภาพ อาทิ เกษตรและอาหาร 

โดยหวังว่าจะมีการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีจากออสเตรเลียในนวัตกรรมอาหาร และการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในภาคการผลิต การส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสีเขียว รวมทั้งได้เชิญชวนนักลงทุนออสเตรเลียเข้ามาลงทุนด้านเทคโนโลยีสีเขียว ยานยนต์ไฟฟ้า การผลิตแบตเตอรี่ โดยเฉพาะในเขต EEC ตลอดจนการศึกษาและการพัฒนาทักษะแรงงานต่างๆ 

"ไทยและออสเตรเลียสามารถต่อยอดความร่วมมือต่างๆ ผ่านระบบการรับรองการศึกษาทางเลือก และอาชีวศึกษา เศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในด้านการผลิตสื่อภาพยนตร์ เกมส์ แอนิเมชัน ศิลปะ แฟชั่น และวัฒนธรรม บริการสุขภาพ ที่จะเน้นการส่งเสริมการลงทุนในด้านนี้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านการแพทย์ เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และการฝึกอบรมดูแลผู้สูงอายุ"

นอกจาก FTA ที่ไทยและออสเตรเลียมีร่วมกันใน 3 กรอบแล้ว ไทยและออสเตรเลียยังได้จัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (SECA) ใน 8 สาขาหลัก ได้แก่

  1. เกษตร ระบบอาหารที่ยั่งยืน และเทคโนโลยี
  2. การทองเที่ยว
  3. บริการสุขภาพ
  4. การศึกษา
  5. การค้าดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล
  6. เศรษฐกิจสร้างสรรค์
  7. การส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน
  8. พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียวและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปแผนงานและกิจกรรมที่จะดำเนินการ ซึ่งหากสรุปผลได้ทันน่าจะประกาศความสำเร็จได้ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2567 ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยินดีที่จะขับเคลื่อนข้อเสนอ Ten for Thailand ของพันธมิตรหอการค้าต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและลดอุปสรรคในการทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันหน่วยงานภายในกระทรวงพาณิชย์ ได้นำระบบให้บริการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มาใช้บริการ เช่น ระบบ e-Registration และ e-Filing ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และระบบ Smart-CO ของกรมการค้าต่างประเทศ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงกฎระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาล

ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นคู่ค้าอันดับ 8 ของไทย โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทยและออสเตรเลีย มีมูลค่า 18,315.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 6.27% จากปีก่อนหน้า

  • ไทยส่งออกไปออสเตรเลีย 11,187.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ไทยนำเข้าจากออสเตรเลีย 7,128.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และอัญมณีเครื่องประดับ และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ และสินแร่โลหะอื่นๆ และเศษโลหะและผลิตภัณฑ์ 


‘ภูมิธรรม’ ถกทูตออสเตรเลีย ชวนลงทุนธุรกิจสีเขียว