รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม แจ้งว่า ขณะนี้ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ทำหนังสือถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีสาระสำคัญคือ ขอให้พิจารณาปรับราคาหน้าโรงกลั่น หลังจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ได้มีการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรฐานน้ำมันยูโร 5 แล้ว
สำหรับรายละเอียดของหนังสือฉบับนี้ ระบุว่า ภาครัฐมุ่งมั่น แก้ไข และลดผลกระทบของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) นับตั้งแต่กำหนดเป็นวาระแห่งชาติที่ได้รับความร่วมมือของทุกภาคส่วน และวางแผนมาอย่างต่อเนื่อง เน้นการนำไปสู่ระดับปฏิบัติและลดผลกระทบสุขภาพจากมลภาวะทางอากาศ ทำให้เกิดสถานการณ์ดีขึ้นโดยลำดับ
หนึ่งในแนวทางการจัดการ คือ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ "การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)" เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 และได้กำหนดยกระดับมาตรฐานคุณภาพน้ำมันกลุ่มเบนชิน-แก๊สโซฮอล์ และดีเซลหมุนเร็วจากระดับยูโร 4 (EURO 4) ให้เป็นยูโร 5 (EURO 5) โดยปรับลดกำมะถันจากไม่สูงกว่า 50 เป็นไม่สูงกว่า 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม โดยให้มีผลในวันที่ 1 มกราคม 2567
กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดการบังดับใช้มาตรฐานน้ำมันยูโร 5 โดยลงทุนปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิต ซึ่งใช้เงินลงทุนรวม 50,000 ล้านบาท
พร้อมทั้งเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 4 ปีนับตั้งแต่วันที่ประกาศฯ เพื่อให้ทันกับนโยบายภาครัฐ ท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมากมาย โดยเฉพาะความผันผวนของราคาน้ำมันและการแพร่ระบาดของโรคโควิด
ขณะนี้กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นฯ ได้ดำเนินการจนพร้อมจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปชนิดมาตรฐานยูโร 5 ในวันที่ 1 มกราคม 2567 ตามเป้าหมาย ซึ่งถือว่าเป็นผลงานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งของรัฐบาล โดยมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการผลิตที่สูงกว่าการผลิตมาตรฐานน้ำมันยูโร 4 ในปัจจุบัน ประกอบไปด้วย การลงทุน และการปรับปรุงระบบการกลั่น การปรับชนิดของน้ำมันดิบเป็นชนิดกำมะถันต่ำเพื่อเข้าสู่กระบวนการกลั่น
ดังนั้น กลุ่มฯ โรงกลั่นฯ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่น ตามเงื่อนไขและกลไกตลาด จึงขอความอนุเคราะห์ให้พิจารณาปรับราคาน้ำมันที่สะท้อนตามมาตรฐานและคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับตลาดน้ำมันในภูมิภาคที่เชื่อมโยงกับตลาดโลกต่อไป