นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากฯ เห็นแนวโน้มการขายสลากดิจิทัลได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง และขายหมดอย่างรวดเร็ว สำนักงานสลากฯ จึงได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ คือการเติมสลากระหว่างงวด ให้ผู้ค้าทีมีความสามารถในการขายหมด ซึ่งจะตอบโจทย์สำหรับผู้ซื้อ ที่อาจจะอยากได้สลากในช่วงกลางงวด ที่อาจจะเพิ่งฝันได้เลขเด็ด ให้มีตัวเลือกครบถ้วนมากขึ้น โดยครั้งละ 1 ล้านใบ คาดว่าใช้เวลาในการจัดทำระบบ 3 เดือน
นอกจากนี้ ในงวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 จะเพิ่มสลากฯ แบบดิจิทัล เป็น 23 ล้านฉบับ และคาดว่าในปี 2567 จะทยอยเพิ่มเป็น 25-30 ล้านใบ เพื่อให้ตรงกับความต้องการซื้อของพี่น้องประชาชน โดยเพิ่มในส่วนสลากดิจิทัลเป็นหลัก ซึ่งสำนักงานได้ทยอยเรียกผู้ค้าที่ลงทะเบียนไว้ 65,000 ราย เหลือที่ยังไม่เรียกอีก 7,000 ราย ก็จะทยอยเรียกกลุ่มนี้ก่อน และจากนั้น จะเปิดโอกาสให้ผู้ค้าระบบซื้อจอง เข้ามาสมัครเป็นผู้สลากดิจิทัล ซึ่งการสำรวจ มีผู้สนใจ 30,000 ราย จากผู้ค้าทั้งหมด 130,000 ราย
ทั้งนี้ สำนักงานสลากฯ ได้ปรับรูปแบบการขายสลากดิจิทัล โดยผู้ขายสามารถเดินขายสลากแบบแผงสลากบนไอแพด และโทรศัพท์มือถือได้ วิธีการดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสลากดิจิทัลให้มากขึ้น เพราะมีลักษณะคล้ายกับการจำหน่ายสลากแบบมีแผงจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเลขให้กับลูกค้าประจำ หรือการลดราคาสลาก เป็นต้น โดยการปรับปรุงช่องทางการจำหน่ายจะแล้วเสร็จและเริ่มใช้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ในส่วนของสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก หรือ N3 นั้น เนื่องจากมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาหวยใต้ดิน สำนักงานสลากฯ จะทดลองดำเนินการในลักษณะของ Sandbox เพื่อทดสอบช่องทางการจำหน่าย การกำหนดราคาขาย รวมถึงเงินรางวัลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อให้มากที่สุด คาดว่าจะพร้อมเริ่มดำเนินการ Sandbox ของสลากตัวแลข 3 หลัก หรือ N3 ได้ในช่วงกลางปี 2567
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีความท้าทายรูปแบบใหม่ คือหวยจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเว็บขายสลากออนไลน์ที่อ้างอิงผลรางวัลจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงเว็บขายสลากออนไลน์อื่นๆ ที่ใช้ผลรางวัลของสำนักงานสลาก รวมถึงการนำสลากใบไปโหลดขาย ดังนั้น คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงมอบหมายให้สำนักงานสลากฯ ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับความท้าทายรูปแบบใหม่ และตอบโจทย์ผู้ซื้อต่อไป