“เศรษฐา” สั่งทุกกระทรวงรื้อใหญ่ กฎหมาย-ระเบียบ ปลดล็อกเอกชนทำธุรกิจ

23 ม.ค. 2567 | 06:05 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ม.ค. 2567 | 06:11 น.

นายกฯ “เศรษฐา” สั่งด่วนในการประชุม ครม.สัญจร ระนอง ให้ทุกกระทรวงรื้อใหญ่ ทั้งกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อปลดล็อกเอกชนทำธุรกิจ ให้เสร็จในปี 2567 หลังเจอต่างชาติร้องเรียนหนัก ขึ้นทะเบียนยาในไทยยาก

วันนี้ (23 มกราคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม. สัญจร จังหวัดระนอง วันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้ทุกกระทรวงไปพิจารณาทบทวน หรือยกเลิกแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ หลังจากได้รับการร้องเรียนมาจากเอกชนต่างชาติในช่วงที่เดินทางไปประชุม World Economic Forum 2024 ที่ เมืองดาวอส

“นายกฯ แจ้งว่า จากการไปประชุม WEF ที่เมืองดาวอส ได้คุยเอกชนยุโรปที่ทำธุรกิจในประเทศไทย เช่น กลุ่มเวชภัณฑ์ และยา สะท้อนความเห็นว่า เวลาทำธุรกิจในไทยมีปัญหาเรื่องกฎระเบียบและข้อบังคับยุ่งยาก ทำให้เรื่องดี ๆ เช่น ยารักษามะเร็ง หรือยารักษาโรคสำคัญ ๆ ในประเทศยุโรปได้ขึ้นทะเบียนยา และประชาชนก็ได้ใช้ยามาหลายปีแล้ว แต่ประเทศไทยกลับขึ้นทะเบียนยากเย็นแสนเข็ญ ทั้ง ๆ ที่ประเทศเหล่านี้ที่ได้ขึ้นทะเบียนยามีมาตรฐานการแพทย์สูงระดับโลก”

 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

นายชัย กล่าวว่า นายกฯ ยืนยันถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้สอดคล้องนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสร้างความสะดอวสบายในการประกอบธุรกิจ หรือ Ease of doing business ดังนั้นจึงต้องการให้ในปี 2567 นี้ ให้ทุกหน่วยงานพิจารณาทบทวนหรือยกเลิกแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ ให้ครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการไทย และผู้ประกอบการจากต่างประเทศ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้อย่างราบรื่น ไม่เจอกฎระเบียบของทางราชการที่ล่าช้าเหมือนปัจจุบัน

 

“เศรษฐา” สั่งทุกกระทรวงรื้อใหญ่ กฎหมาย-ระเบียบ ปลดล็อกเอกชนทำธุรกิจ

 

ขณะเดียวกันนายกฯ ยังสั่งการให้คณะกรรมการด้านการขอปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต ผ่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สำนักงานอาหารและยา (อย.) ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เร่งแก้ไขและปรับปรุงข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ เพื่อเป็นการดึงนักลงทุนจากต่างชาติ รวมไปถึงนักธุรกิจในประเทศไทยเองจะได้สร้างบรรยากาศที่ดีที่เอื้อต่อการลงทุนต่อไป