"หอการค้าไทย-จีน"ตั้ง"ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล"นั่งแท่นประธานสมัย 3

29 ม.ค. 2567 | 07:43 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ม.ค. 2567 | 07:43 น.

"หอการค้าไทย-จีน"ตั้ง"ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล"นั่งแท่นประธานสมัย 3 เดินหน้ายกระดับบทบาทหอการค้าไทย-จีนในเวทีโลกให้มากขึ้น และแนะนำสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจและการลงุทนในไทยให้จีน

หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการนายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน สมัยที่ 29 โดยเป็นการทำหน้าที่ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน ตั้งแต่ปี 2563 

นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน กล่าว่า ในยุคปัจจุบันจะต้องร่วมกันยกระดับบทบาทหอการค้าไทย-จีนในเวทีโลกให้มากขึ้น โดยการเรียนรู้จากองค์กรต่างๆทั่วโลก ประสานความร่วมมือกับสมาคมธุรกิจต่างๆ เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของสังคมไทยอย่างกลมกลืน

 

ทั้งนี้ หอการค้าไทย-จีน ทำหน้าที่ผูกพันความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ในทุกมิติ  ช่วยเผยแพร่เรื่องราวของประเทศจีน ในขณะเดียวกันก็แนะนำสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจและการลงุทนในประเทศไทย ผลักดันกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจีนในประเทศไทย 

"หอการค้าไทย-จีน"ตั้ง"ณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล"นั่งแท่นประธานสมัย 3

รวมถึงผลักดันให้เกิดความร่วมมือในเชิงลึกในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน  การท่องเที่ยว และพลังงานใหม่ เป็นต้น  และการแบ่งปันโอกาสในรูปแบบจีนสมัยใหม่  ส่งเสริมการสร้างโอกาสเข้าสู่ตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่ กว่า 1,400 ล้านคน 

อีกทั้งยังสนับสนุนการสร้างประชาคมไทย-จีน ที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ  ร่วมสรรค์สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับหอการค้าไทย-จีนบนเส้นทางสายมิตรภาพไทย-จีน

"จีนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกประมาณ 30% โดยจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยตั้งแต่ปี 2556 เป็นเวลากว่า 11 ปี  และยังเป็นตลาดส่งออกสินค้าไทยอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา"

นอกจากนี้ นักลงทุนจีนยังเข้ามาลงทุนในประเทศไทยสูงเป็นอันดับต้นของนักลงทุนต่างชาติในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันระหว่างประเทศไทยและสาธารณัฐประชาชนจีน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม นี้เป็นต้นไปจะเป็นการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน ไทย-จีน โดยหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย ตามเป้าหมายจำนวน 8 ล้านคนตามที่วางไว้ในปีนี้