นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยภายว่า สำหรับการเปิดรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) ประกอบการจัดทำร่างประกาศเชิญชวนร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้วสำหรับการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ระยะทาง 24.7 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 15,724 ล้านบาท สัญญาสัมปทาน 32 ปี แบ่งเป็น ค่างาน O&M วงเงิน 14,687 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี และ ค่าก่อสร้างงานระบบ วงเงิน 1,037 ล้านบาท ระยะเวลา 2 ปี ปัจจุบันกรมฯอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความเห็นภาคเอกชนระหว่างวันที่ 15 ม.ค.-6ก.พ.67 และเปิดให้เอกชนแสดงความคิดเห็นระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-6 ก.พ.67
หลังจากนั้นกรมฯอยู่ระหว่างจัดทำร่างประกาศเชิญชวนตามพ.ร.บ.ร่วมลงทุน ปี 62 (PPP) โดยจะเปิดประมูลภายในเดือนเม.ย.นี้ และเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอภายใน 3-4 เดือน ทั้งนี้ตามกระบวนการจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปลายปี 67 คาดว่าจะลงนามสัญญาและเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในต้นปี 68 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 70
นายปิยพงษ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว วงเงินค่าลงทุนระบบ 1,037 ล้านบาท ในรูปแบบการร่วมลงทุน PPP Gross Cost สัญญาสัญญาณสัมปทาน 32 ปี โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนระบบ O&M และได้ค่าตอบแทนจากการก่อสร้าง ส่วนรัฐจะชำระเงินค่าลงทุนคืนให้แก่เอกชนโดยจะเริ่มชำระค่าลงทุนต่อเมื่อโครงการฯเปิดให้บริการและจัดเกฌบค่าผ่านทาง ซึ่งแบ่งการดำเนินงาน ออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 เอกซนจะเป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และติดตั้งงานระบบและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องด้วยรูปแบบระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (ระบบ M-Flow) ทั้งโครงการและต้องถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ลงทุนให้ภาครัฐก่อนเริ่มดำเนินโครงการ (ไม่เกิน 2 ปี)
ระยะที่ 2 เอกชนจะเป็นผู้ดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการทั้งหมด ทั้งงานโยธาในส่วนที่รัฐเป็นผู้ลงทุน และงานระบบในส่วนที่เอกชนเป็นผู้ลงทุน ตลอดจนเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างและนำส่งข้อมูลรายการผ่านทาง (Transaction Generation) ทั้งหมดให้แก่ภาครัฐ รวมทั้งดำเนินงานอื่นที่เกี่ยวข้องตามชอบเขตงานและเงื่อนไขที่กำหนด โดยเอกชนจะได้รับเงินค่าตอบแทนจากการให้บริการ
"ส่วนการจูงใจให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการฯในระบบ O&M นั้น มองว่าโครงการไม่ใช่สัญญาสัมปทาน PPP Net cost เนื่องจากโครงการนี้เป็นการจ้างให้เอกชนดูแลระบบในระยะยาว ดังนั้นในเรื่องของความเสี่ยงและรายได้ค่าผ่าน รวมทั้งปริมาณการใช้รถน้อยจากสถานการ์การเศรษฐกิจหรือเกิดปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ทางเอกชนจะไม่ได้รับความเสี่ยงในเรื่องนี้ แต่เอกชนจะได้รับความเสี่ยงในด้านเทคนิค เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน KPI ของทล."
ขณะที่การก่อสร้างด้านงานโยธา ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กม. ปัจจุบันคืบหน้า 88% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปีนี้ ส่วนช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.35 กม. วงเงิน ล้านบาท คืบหน้า 39% โดยคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จภายในปี 68
ทั้งนี้ภายในปี 68 กรมฯมีแผนจะทยอยเปิดให้ประชาชนใช้บริการช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ก่อน โดยไม่จัดเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งกรมฯจะพิจารณาความพร้อมอีกครั้งก่อนเปิดให้บริการ
สำหรับรูปแบบการก่อสร้างนั้น จะเป็นทางยกระดับอยู่บนเกาะกลางของทางหลวงถนนพระราม 2 ขนาด 6 ช่องจราจร ทิศทางละ 3 ช่องจราจร มีจุดขึ้นลง 4 แห่ง คือ ด่านมหาชัย ด่านสมุทรสาคร1 ด่านสมุทรสาคร2 และด่านบ้านแพ้ว
ด้านอัตราค่าธรรมเนียมผ่านทางดังนี้คือ รถยนต์ 4 ล้อ อัตราค่าแรกเข้า 10 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาทต่อกิโลเมตร, 6 ล้อ อัตราแรกเข้า 16 บาท เก็บเพิ่ม 3.2 บาทต่อกิโลเมตร และ รถมากกว่า 6 ล้อ อัตราแรกเข้า 23 บาท เก็บเพิ่มขึ้น 4.6 บาทต่อกิโลเมตร คาดการณ์ปริมาณจราจรปีเปิดให้บริการที่ 64,203 คัน/วัน รายได้ ประมาณ 1,272.71 ล้านบาท/ปี มีปริมาณจราจรรวม 30 ปีที่ 1,548 ล้านคัน มีรายได้ค่าผ่านทางรวม 116,954 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนทางเศรษฐกิจนั้น จะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ เท่ากับ 23,264 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ 19.7%
อย่างไรก็ตามในส่วนของผลตอบแทนทางการเงินนั้น มีความเหมาะสมและมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนทางการเงินในเกณฑ์ต่ำ โดยมีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน 2.6% แต่เมื่อพิจารณาผลตอบแทนทางการเงินของโครงการตลอดทั้งสายคือช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว พบว่ามีความเหมาะสมและมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนทางการเงิน โดยมีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน 7.1%