นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางไปพบกับสมาคมผู้ค้าข้าวฮ่องกง นายจาง อี้ ประธานคลังสินค้าข้าว (China Merchants Godown, Wharf & Transportation – GMGWT) และนายเคนเน็ธ ชาน นายกสมาคมผู้ค้าข้าวฮ่องกง ที่ China Merchants Godown ฮ่องกง เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมหารือด้านการค้าข้าวระหว่างไทยและฮ่องกง
พร้อมเปิดเผยภายหลังว่าการเดินทางมาหารือกันในครั้งนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและความมั่นใจกับคู่ค้าฮ่องกง ว่าไทยมีปริมาณข้าวคุณภาพสูงส่งออกให้ฮ่องกงอย่างแน่นอน รวมถึงได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านระบบการบริหารจัดการคลังสินค้ามาตรฐานสูงของฮ่องกง ก่อนจะได้นำกลับมาปรับใช้กับหน่วยงานของไทยต่อไป
โดยนายภูมิธรรมขอบคุณสมาคมผู้ค้าข้าวฮ่องกงที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และให้การสนับสนุนข้าวไทยมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังได้ทราบจากผู้นำเข้าข้าวฮ่องกงว่า แม้ว่าข้าวไทยจะมีราคาที่สูงกว่าคู่แข่ง แต่คุณภาพและความมีเอกลักษณ์ของข้าวไทยยังไม่มีประเทศใดเทียบได้
อีกทั้งปัจจุบัน ชาวฮ่องกงให้ความสำคัญกับการเลือกบริโภคข้าวที่มีคุณภาพดี และมีประโยชน์ อาทิ ข้าวกล้อง ข้าวอินทรีย์ หรือแม้กระทั่งข้าวไรซ์เบอร์รี่ โดยในการนี้ นายภูมิธรรม จึงได้ให้คำมั่นว่าประเทศไทยจะรักษาคุณภาพและพัฒนามาตรฐานของข้าวไทยให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ทิศทางความต้องการของผู้บริโภคฮ่องกงในอนาคต
ขณะเดียวกัน ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมสถานที่จัดเก็บข้าวหอมมะลิในฮ่องกง โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า "ตนรู้สึกประทับใจต่อการบริหารจัดการคลังสินค้าข้าวฮ่องกงแห่งนี้มาก แม้เมืองฮ่องกงจะมีพื้นที่ที่จำกัดและสภาพอากาศมีความชื้นสูง แต่พบว่าอาคารโกดังสินค้าได้มีการออกแบบที่เอื้ออำนวยต่อการรักษาคุณภาพของข้าวไทย ทั้งการสร้างอาคารแนวตั้งเพื่อลดการใช้พื้นที่ และการควบคุมอุณหภูมิอยู่ที่ 17-18 องศา สำหรับจัดเก็บข้าวไทย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ให้มีความสดใหม่ตลอดเวลา ซึ่งระหว่างเยี่ยมชมจะได้สัมผัสกลิ่นหอมละมุนพิเศษของข้าวหอมมะลิไทยเป็นระยะๆ อีกด้วย"
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังเสริมอีกว่า ตนและรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมข้าวไทย ตั้งแต่กระบวนการผลิตที่ต้องการให้มีการเพิ่มจำนวนผลผลิตต่อไร่มากขึ้น ไปจนถึงการหาตลาดใหม่ๆ เพื่อเร่งรัดการส่งออก และตนได้มีแนวคิดและมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เกิดการสร้างศูนย์ระบายสินค้าข้าวขึ้นที่เมืองเซินเจิ้น ซึ่งถือเป็นแหล่งนำเข้าข้าวสำคัญอันดับต้นๆ ของจีน ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่มีภาคเอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อนในการลงทุนทางธุรกิจหลักและมีภาครัฐคอยสนับสนุนเจรจากับรัฐบาลกลางของจีนเพื่อปลดล็อคอุปสรรคต่างๆ ได้
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ฮ่องกงเป็นตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิใหญ่ที่สุดเป็นลำดับ 3 ของไทย รองจากสหรัฐฯ และจีน โดยปี 2566 ฮ่องกงนำเข้าข้าวจากทั่วโลก 257,200 ตัน เป็นการนำเข้าจากประเทศไทย 148,500 ตัน ร้อยละ 57.7 เวียดนาม 60,100 ตัน ร้อยละ 23.4 และจีน 21,200 ตัน ร้อยละ 8.2 ซึ่งหลังจากที่ได้หารือกัน สมาคมผู้ค้าข้าวฮ่องกงยืนยันที่จะนำเข้าข้าวจากไทยในปริมาณที่มากขึ้น ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้าจะนำเข้าข้าวรวมจำนวน 180,000 ตัน เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานข้าวไทย
สำหรับสมาคมผู้ค้าข้าวฮ่องกง ก่อตั้งขึ้นในปี 2462 มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการ นำเข้า และจัดจำหน่ายข้าวในฮ่องกง ปัจจุบันมีสมาชิก 50 ราย โดยมี Mr.Kenneth Chan เป็นนายกสมาคม มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย โดยจะมีการจัดคณะเดินทางเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันทุกปี ล่าสุด สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง ร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ จัดคณะผู้นำเข้าฮ่องกง 31 ราย เดินทางเยือนประเทศไทยเมื่อวันที่ 11–14 ธันวาคม 2566 เพื่อพบสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย โรงสี และสถาบันวิจัยข้าวในจังหวัดอุบลราชธานี
ส่วนการนำเข้าข้าวของฮ่องกง พบว่า ข้าวเป็นสินค้าที่รัฐบาลฮ่องกงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยจัดอยู่ในหมวดสินค้าควบคุม (Reserved Commodity) มีหน่วยงาน Trade and Industry Department เป็นผู้กำหนดมาตรการนำเข้า และบริหารจัดการให้มีระดับราคาที่เหมาะสมและปริมาณเพียงพอต่อการบริโภค ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเป็นผู้นำเข้าและจัดเก็บข้าวในฮ่องกงจำนวน 238 ราย และสถานที่ที่ลงทะเบียนสำหรับจัดเก็บข้าว 142 แห่ง