สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (15 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากเหตุการณ์อิหร่านโจมตีอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.29% ปิดที่ 85.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 90.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกและโดรนหลายร้อยตัวโจมตีอิสราเอลเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 เม.ย.) เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายซึ่งรวมถึงนายโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่าน
อย่างไรก็ดี กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) สามารถยิงสกัดขีปนาวุธและโดรนเหล่านั้นได้เกือบทั้งหมด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่ออุปทานน้ำมันในตลาด
บ็อบ ยอว์เกอร์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากธนาคารมิซูโฮกล่าวว่า การที่อิสราเอลประสบความสำเร็จในการยิงสกัดโดรนและขีปนาวุธของอิหร่านสะท้อนให้เห็นว่า ความเสี่ยงที่สถานการณ์ตึงเครียดจะลุกลามในตะวันออกกลางมีน้อยลง และทำให้ราคาน้ำมันอ่อนแรงลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงเนื่องจากความกังวลว่า ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%.