ภูมิธรรม ย้ำ Digital Wallet กระตุ้นเศรษฐกิจช่วยคนตัวเล็ก

18 เม.ย. 2567 | 10:19 น.
อัปเดตล่าสุด :18 เม.ย. 2567 | 10:44 น.

ภูมิธรรม เผย โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เฟสแรกเน้นจับจ่ายรายเล็กในเขตอำเภอ เช่น 7-11 ในปั้มน้ำมัน หัวใจสำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ อยากให้ประชาชนได้สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ เดินทางสะดวก

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรงพาณิชย์ เปิดเผยว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet (ดิจิทัลวอลเล็ต) ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้มีการขยายจากเดิมสามารถจำจ่ายได้ในระยะ 4 กิโลเมตร  สามารถจำจ่ายในเขตอำเภอได้ โดยเฟสแรกเราจะกำหนดการใช้จ่ายให้อยู่ในบริเวณรายเล็ก เช่น  7-11 ในปั๊มน้ำมัน โดยกระทรวงพาณิชย์ได้รับผิดชอบในการดูร้านค้าเข้าร่วมโครงการ ก็ต้องเตรียมร้านค้าที่อยู่ในชุมชนให้ได้ หัวใจสำคัญของโครงการฯ คือเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ อยากให้ประชาชนได้สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ ซึ่งจะนำไปสู่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

“เราทำโครงการเพื่อที่จะช่วยเหลือคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องคิดเรื่องของการเดินทางสะดวก เวลาสิงคโปร์จะให้เงินเขาให้ทุกคนทั้งคนรวยและคนจน เพื่อที่จะกระตุ้นใช้เงินให้เศรษฐกิจมันกระเตื้อง การขับเคลื่อนของหน่วยราชการ หรือหน่วยเอกชนต่างๆก็จะเกิดการจ้างงาน

ผมว่าก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์ควรดูที่วัตถุประสงค์ เพราะฉะนั้นการที่จะต้องบรรลุวัตถุประสงค์ ตรงไหนที่จะทำให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ได้ก็คือประโยชน์ อะไรที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นแหล่งกระจายสินค้าให้ได้ปริมาณ ทำให้เกิดการจ้างงาน ทำยังไงให้ประชาชนมีใช้มีที่ซื้อ มีที่ได้ของสำคัญที่สุด” นายภูมิธรรม กล่าว

สำหรับการดำเนินโครงการผ่านหน่วยงานของรัฐ จำนวน 172,300 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดูแลกลุ่มประชาชนที่เป็นเกษตรกร จำนวน 17 ล้านคนเศษ ผ่านกลไกมาตรา 28 ของงบประมาณปี 2568 ได้คิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีการแถลงข่าวออกไป ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกปกติไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนการบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของรัฐบาล จำนวน 175,000 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณปี 2567 เพิ่งเริ่มใช้ จึงมีเวลาที่รัฐบาลจะพิจารณาว่ารายการใดที่จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ รวมถึงงบกลาง ก็อาจนำมาใช้เพิ่มเติมในส่วนนี้ถ้าวงเงินไม่เพียงพอ

ด้านเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท ซึ่งได้ขยายกรอบวงเงินงบประมาณในปี 2568 เรียบร้อยแล้ว  มันเป็นการทำงานที่ช่วยวิกฤตของประเทศไม่ใช่การแจกเงินแต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ กฎหมายต่าง ๆ คาดว่าจะไม่มีปัญหาเพราะว่าทุกฝ่ายได้การตรวจสอบแล้ว จึงมีมติเห็นชอบในการทำงาน