ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกปรับขึ้นอีก 50 สตางค์ เป็น 30.94 บาทต่อลิตร เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67 หลังสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาทต่อลิตร และกระทรวงการคลังไม่ได้ต่ออายุมาตรการดังกล่าว
ขณะที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน. ก็ต้องการรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันติดลบไปแล้วกว่า 103,000 ล้านบาท จากการชดเชยราคาดีเซลมาอย่างต่อเนื่อง
การปรับขึ้นราคาดีเซลในครั้งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคขนส่งสินค้าทางบก ล่าสุดนายสิรภพ พิชัยรัตนพงศ์ เลขาธิการสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการปรับขึ้นค่าขนส่งสินค้าไปแล้ว 3% แต่หากราคาดีเซลปรับขึ้นอีก 50 สตางค์ รวมเป็น 1 บาทต่อลิตร ซึ่งรวมกับการปรับขึ้นครั้งนี้แล้ว จะต้องมีการปรับขึ้นค่าขนส่งอีกประมาณ 6%
นายสิรภพ กล่าวอีกว่า แม้การปรับขึ้นราคาดีเซลในระดับนี้จะยังไม่ส่งผลกระทบมากนัก และหวังให้ภาครัฐควบคุมไม่ให้ราคาดีเซลเกิน 32 บาทต่อลิตร
แต่หากราคาดีเซลเพิ่มขึ้นไปถึง 34-35 บาทต่อลิตร สหพันธ์การขนส่งรถบรรทุกจะต้องทำหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือถึงผลกระทบที่จะตามมา เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นจะส่งผ่านไปสู่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคด้วย
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน ระบุว่า การปรับขึ้นราคาดีเซลในครั้งนี้เป็นเพื่อให้ราคาขายปลีกสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของราคาดีเซลในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นจากผลกระทบของสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งหากคิดตามต้นทุนจริง ราคาขายปลีกดีเซลควรอยู่ที่ประมาณ 36 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นราคาดีเซลจะทำเป็นแบบขั้นบันไดเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนมากเกินไป การปรับครั้งนี้เพียง 50 สตางค์ต่อลิตรเป็นขั้นแรก แต่จำเป็นต้องมีการปรับขึ้นต่อเนื่องเพื่อลดภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ติดลบอยู่ในระดับสูง