กทม."กั้นช่องทางพิเศษหน้าเซ็นทรัลเวิลด์" ซัดแท็กซี่ไม่รับคนไทย

27 เม.ย. 2567 | 07:54 น.

กทม.ลุยจัดระเบียบการเดินรถหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ประเดิม 3 วันแรกของการ "กั้นช่องทางพิเศษหน้าเซ็นทรัลเวิลด์" และห้ามจอดรถแช่ พบว่าการจราจรคล่องตัวขึ้น เร่งประสานกรมขนส่งทางบก ลงโทษแท็กซี่ไม่รับคนไทย-โกงค่ามิเตอร์

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม.กั้นช่องทางพิเศษหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อปัญหาการจราจรติดขัด ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากรถแท็กซี่และรถสามล้อมาจอดรอให้บริการรับท่องเที่ยว แล้วจอดแช่ในช่องทางซ้ายสุด เพื่อรอรับผู้โดยสารชาวต่างชาติเท่านั้นและไม่ให้บริการคนไทย เนื่องจากการรับชาวต่างชาติรายได้จะดีกว่าจากการไม่กดมิเตอร์ 

 

ในเบื้องต้นด้วยการ ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับรับ-ส่งผู้โดยสาร โดยห้ามจอดแช่ แต่ไม่ใช่ Bus Lane รถทุกประเภทสามารถใช้ช่องทางดังกล่าวได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการรับ-ส่ง ผู้โดยสารจากรถทุกประเภทเร็วที่สุดโดยไม่ให้จอดแช่

กทม.\"กั้นช่องทางพิเศษหน้าเซ็นทรัลเวิลด์\" ซัดแท็กซี่ไม่รับคนไทย

ดังนั้น การกั้นช่องทางพิเศษหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ รถแท็กซี่หรือรถสามล้อ สามารถเข้ามารับผู้โดยสารที่ช่องทางดังกล่าวได้ แต่ต้องรับและกดมิเตอร์หรือตกลงราคาทันทีโดยห้ามจอดแช่ ซึ่งในช่วงแรกของการจัดการจราจร มีผู้ไม่เข้าใจจำนวนมากจนเกิดเป็นกระแสสังคม แต่ในขณะนี้ผ่านมาแล้ว 3 วัน การจราจรในบริเวณดังกล่าวคล่องตัวขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งตนเองและผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้ลงพื้นที่ติดตามอย่างใกล้ชิด 

 

กทม.ขอความร่วมมือเรื่องของการรักษาระเบียบวินัยการจราจร และขอความร่วมมือประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้บริการรถแท็กซี่ และรถรับจ้างในจุดให้บริการซึ่งทางเซ็นทรัลเวิลด์จัดไว้ 3 จุดรอบบริเวณห้าง ซึ่งอาจจะต้องเสียเวลาเดินไปที่จุดดังกล่าว เกิดความไม่สะดวกสบาย แต่ก็ต้องร่วมมือกันเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความคล่องตัวของการจราจรในกรุงเทพฯ 

นอกจาก กั้นช่องทางพิเศษหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ แล้ว นี้ กทม. ได้ประสานกับกรมการขนส่งทางบก ให้มีบทลงโทษสำหรับแท็กซี่ที่ไม่รับผู้โดยสารชาวไทย คิดมิเตอร์เกินราคา หรือไม่กดมิเตอร์ จอดแช่เพื่อรอรับผู้โดยสารชาวต่างชาติโดยไม่รับคนไทย รวมถึงการพิจารณาสามล้อมิเตอร์ในอนาคต เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากในเรื่องของสามล้อคิดราคาเกินมาตรฐาน

 

ทั้งนี้ อำนาจการจับกุม ลงโทษ และกำหนดราคามิเตอร์ไม่ใช่อำนาจของกทม.แต่เป็นอำนาจของกรมการขนส่งทางบก โดยอธิบดีกรมการขนส่งทางบกได้รับไปพิจารณาแล้ว โดยจะนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวต่อไป