สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (3 พ.ค.) และลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ และกำหนดเวลาที่เป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 84 เซนต์ หรือ 1.06% ปิดที่ 78.11 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 6.8% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 71 เซนต์ หรือ 0.85% ปิดที่ 82.96 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลงมากกว่า 7% ในรอบสัปดาห์นี้
โดยนักลงทุนวิตกว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก หลังจากเฟดตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้
ด้านข้อมูลที่เปิดเผยในวันศุกร์บ่งชี้ว่า การขยายตัวของการจ้างงานในสหรัฐชะลอตัวเกินคาดในเดือนเม.ย. และการปรับตัวขึ้นของค่าแรงรายปีชะลอลง ซึ่งทำให้บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนก.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 238,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.8%
ขณะที่ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.0% และเมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3%
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้และบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงซึ่งอาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงจะถ่วงเศรษฐกิจลงและลดความต้องการใช้น้ำมัน
ค่าพรีเมียมความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เนื่องจากสงครามอิสราเอล-ฮามาสลดลง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายพิจารณาการหยุดยิงชั่วคราวและจัดการเจรจากับผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ
กลุ่มโอเปกพลัสจะประชุมกันครั้งถัดไปในวันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งอาจจะปรับลดการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจต่อไปจากเดือนมิ.ย. หากความต้องการน้ำมันยังไม่เพิ่มขึ้น