"อลงกรณ์" ติง "เศรษฐา” พลาดดีลไมโครซอฟท์ทำไทยเสียโอกาสครั้งใหญ่

04 พ.ค. 2567 | 03:47 น.

"อลงกรณ์" ติง "เศรษฐา” พลาดดีลไมโครซอฟท์ทำไทยเสียโอกาสครั้งใหญ่ ชี้มีเพียงคำแถลงจะตั้งดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในไทยและจะสนับสนุนการพัฒนาคนไอที 100,000 คน ระบุแพ้มาเลเซีย อินโดนีเซียราบคราบ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีและส.ส.6 สมัย โพสต์บทวิจารณ์ความล้มเหลวของนายกรัฐมนตรีกรณีพลาดดีลไมโครซอฟท์ในเฟสบุ๊ควันนี้ (4พ.ค.) เรื่อง บทพิสูจน์ความล้มเหลว “นายกฯเศรษฐา” กรณีไมโครซอฟท์ (Microsoft) “แพ้มาเลเซีย-อินโดนีเซียราบคาบ ทำประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่” โดยมีเนื้อหาระบุว่า 

ได้ติดตามข่าว "สัตยา นาเดลลา" ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์ (Microsoft)บริษัทยักษ์ใหญ่ไอทีของโลกมาเยือนอินโดนีเซีย ไทยและมาเลเซียระหว่างวันที่ 30 เมษายน-2 พฤษภาคม 2567อย่างใจจดใจจ่อ

ทั้งนี้เพราะนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ทำใหัเกิดความหวังจากการให้สัมภาษณ์หลังพบเจรจากับประธานและซีอีโอบริษัทไมโครซอฟท์ที่นิวยอร์กและซานฟรานซิสโก้ในเดือนกันยายนและพฤศจิกายนปีที่แล้วถึงขั้นทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) ว่า ดีลสำเร็จจะมีการลงทุนเป็นแสนล้านจากไมโครซอฟท์
 

ตนคาดหวังว่า "สัตยา นาเดลลา" ซีอีโอไมโครซอฟท์จะประกาศแผนงานโครงการและตัวเลขการลงทุนด้านดิจิตอลเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์(AI-Artificial Intelligence)ในประเทศไทยเป็นแสนล้านตามเป้าหมายดิจิตอลฮับภายใต้วิสัยทัศน์ "Ignite Thailand” ของนายกรัฐมนตรีที่ให้ข่าวก่อนหน้านี้

"อลงกรณ์" ติง "เศรษฐา” พลาดดีลไมโครซอฟท์ทำไทยเสียโอกาสครั้งใหญ่
     
เมื่อถึงวันที่ 1 พ.ค 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์มาเยือนไทยกลับไม่มีการประกาศตัวเลขการลงทุนในไทยที่ชัดเจนแม้แต่สลึงเดียว มีเพียงคำแถลงว่าจะตั้งดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในไทยและจะสนับสนุนการพัฒนาคนไอที 100,000 คน

ทั้งที่ก่อนมาไทย 1 วัน คือ วันที่ 30 เมษายน 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์เดินทางเยือนอินโดนีเซียและประกาศตัวเลขการลงทุน 1.7 พันล้านดอลลาร์ (กว่า 6 หมื่นล้านบาท)ในอินโดนีเซียพร้อมแผนงานโครงการอย่างละเอียดชัดเจน
   
ยิ่งกว่านั้นในวันที่ 2 พ.ค. 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์ไปเยือนมาเลเซียได้ประกาศตัวเลขการลงทุนในมาเลเซีย 2.2 พันล้านดอลลาร์ (กว่า8หมื่นล้านบาท) เพื่อสนับสนุนความเป็นฮับดิจิตอลของมาเลเซีย 
 

แสนล้านของไทยหายไปไหน

ส่วนกรณีไมโครซอฟท์จะตั้งดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในไทยเป็นความชัดเจนเท่าที่จับต้องได้ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าไมโครซอฟท์มีดาต้า เซนเตอร์กว่า 300 แห่งทั้งระดับประเทศและระดับภูมิภาคใน34 ประเทศทั่วโลก

เข่นเดียวกับโครงการพัฒนาคนไอทีที่ไมโครซอฟท์จะช่วยไทย 1 แสนคน นั้นน้อยกว่าที่จะช่วยมาเลเซีย 2 แสนคนและอินโดนีเซีย 8 แสนกว่าคน 
    
การเปิดดีลและปิดดีลที่มีเวลาทำงานยาวนานกว่า 7 เดือนตั้งแต่ปลายกันยายน 2566 ถึง 1 พฤษภาคม 2567 ของนายกรัฐมนตรีในการดึงไมโครซอฟท์มาลงทุนในไทยล้มเหลวไม่เป็นท่าและพ่ายแพ้ต่อมาเลเซีย-อินโดนีเซียแบบราบคาบ

หวังว่าความล้มเหลวในการทำงานกรณีไมโครซอฟท์จะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปรับปรุงการทำงานแบบผู้บริหารประเทศไม่ใช่แบบเซลล์แมนโฉบไปโฉบมาจนจับต้องอะไรไม่ได้
   
ท่านต้องตระหนักว่า ท่านทำให้ประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่ในห้วงเวลาที่ประเทศต้องการรายได้และเงินลงทุนเพราะทุกบาททุกดอลลาร์คืองานและปากท้องของประชาชนคนไทย
     
ตนยังกังวลว่า ขณะที่ท่านไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆในการดึงเงินลงทุนเข้าประเทศและไม่สามารถหาเงินเข้าประเทศจนส่งออกติดลบ 10% ขาดดุลการค้าหลายแสนล้านทำให้เศรษฐกิจตกต่ำฝืดเคืองไปทุกหย่อมหญ้า

แทนที่นายกรัฐมนตรีจะรีบปรับปรุงการทำงานเร่งทำมาหากินสร้างเงินให้ประเทศ ท่านกลับคิดแต่จะกู้เงินก่อหนี้ให้ประเทศอีกกว่า 1 ล้านล้านบาทในปีนี้และปีหน้า แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร และประเทศจะเป็นอย่างไร

จะให้ประชาชนและประเทศชาติติดหล่มจมปลักอยู่กับหนี้สินโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ