วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เวลา 8.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังจากนำผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แอนิเมชัน ซีรีส์วาย และธุรกิจบันเทิงที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้า ในงาน Cannes Film Festival 2024 ที่ Palais des Festivals เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบริการที่เกี่ยวข้อง และทำให้ธุรกิจบันเทิงของไทยเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในตลาดต่างประเทศ
"ตลาดหนัง แอนิเมชันและเกมของเรากำลังเติบโตดี ตนมาที่นี่ 3-4 วันที่ผ่านมา ผู้ประกอบการมีรายได้ถึง 1,100 ล้านบาท และตลาดเติบโตทุกด้านทั้งตลาดหนังผี ซีรีส์วาย ซีรีส์ยูริ หลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะส่งเสริมอุตสาหกรรมหนังให้มากขึ้น เพราะเราเห็นความต้องการของตลาด ซึ่งไทยมีจุดเด่นหลายด้าน ทั้งสถานที่ถ่ายทำเทคนิคการตัดต่อและค่าแรง รวมไปถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในการลดภาษี โดยทั้งดิสนีย์ ฮอลลีวูด ก็มาใช้โลเคชั่นประเทศไทย จะสร้างรายได้เข้าประเทศให้สูงขึ้น ซึ่งในหนังก็มีซอฟต์พาวเวอร์ของเราอยู่" นายภูมิธรรม กล่าว
สำหรับงาน Cannes Film Festival เป็นงานเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุด มีนักธุรกิจในวงการภาพยนตร์เข้าชมมากที่สุดในโลก ในงานมีกิจกรรมสำคัญ อาทิ งานแสดงสินค้า Marché du Film ที่เป็นตลาดซื้อ-ขายภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยในปีนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้นำผู้ประกอบการไทยจำนวน 12 บริษัท เข้าร่วมงานภายใต้คูหา Thailand Pavilion ตั้งแต่วันที่ 14-22 พฤษภาคม 2567 เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าแก่ผู้ประกอบการไทยและขยายช่องทางการตลาดภาพยนตร์ แอนิเมชัน ซีรีส์วาย และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า ระยะเวลาในการจัดงาน 5 วันแรก ได้มีการจับคู่เจรจา 317 ราย และมีมูลค่า 1,350 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า 9 วันของการจัดงานจะมีมูลค่าซื้อขายกว่า 1,900 ล้านบาท เท่ากับปีก่อน หรืออาจมากกว่า และจากการสังเกตพบว่า อินเดียสนใจหนังแนวซีรีส์วายของไทย
ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ผู้ประกอบการไทย ที่มาออกงาน Marché du Film มีทั้งหมด 12 บริษัท และ 1 สมาคม มีรายละเอียดดังนี้
ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และแอนิเมชัน 9 บริษัท ได้แก่
ผู้ผลิตรายการและละครโทรทัศน์ จำนวน 1 บริษัท ได้แก่
ผู้ให้บริการเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และวีดิทัศน์ จำนวน 2 บริษัท ได้แก่