นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจผ่านศูนย์วิจัยการไหลของวัสดุของญี่ปุ่น (Japan Material Flow Institute: JMFI) รวมถึงยกระดับเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching)
และศึกษาต้นแบบสถานประกอบการภาคเอกชนของประเทศญี่ปุ่นด้วยการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้หารือความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐประเทศญี่ปุ่นผ่านนโยบาย DIPROM Connection ได้แก่ องค์การเพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและนวัตกรรมภูมิภาคแห่งประเทศญี่ปุ่น (SMRJ) องค์กรส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Tokyo SME Support Center)
และองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) เพื่อส่งเสริมและพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) และอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 2,800 ล้านบาท และช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนนโยบายภาคอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศในอนาคต
"การดำเนินการดังกล่าวมาจากการที่ดีพร้อมพาผู้ประกอบการไทยเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อศึกษาต้นแบบสถานประกอบการด้านโลจิสติกส์ของประเทศญี่ปุ่น พร้อมสร้างโอกาสการขยายธุรกิจโลจิสติกส์และการตลาดสู่ประเทศญี่ปุ่นในงาน Asia Seamless Logistics Forum 2024 งานแสดงสินค้านวัตกรรมโลจิสติกส์สมัยใหม่ ซึ่งภายในงานยังการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กว่า 150 คู่ค้า และได้มีการนัดหมายพบปะเจรจาเพิ่มเติมที่ประเทศไทย"
อย่างไรก็ดี ดีพร้อมยังได้หารือกับศูนย์วิจัยการไหลของวัสดุของญี่ปุ่น เพื่อกำหนดแนวทางการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจ การจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจในสาขาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ การพัฒนาบุคลากรภาครัฐในด้านโลจิสติกส์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญร่วมกัน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และการให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมของไทย