แกะรอย 6 ทศวรรษ 10 รัฐบาล ตั้งงบกลางปีเพิ่ม 18 ครั้งกว่า 8.6 แสนล้าน

21 พ.ค. 2567 | 06:10 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ค. 2567 | 06:16 น.

การตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เป็นสิ่งที่รัฐบาลหลายสมัยทำในยามเผชิญวิกฤตการณ์ต่างๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยในรอบ 6 ทศวรรษ นับตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีรัฐบาล 10 สมัยที่ตั้งต้องงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมรวม 18 ครั้ง กว่า 8.6 แสนล้านบาท

กรณีรัฐบาลจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท เพื่อมาใช้ดำเนินโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น

ในอดีตที่ผ่านมา การจัดทำพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ ไม่ใช่เรื่องใหม่และมีการจัดทำมาอย่างต่อเนื่อง เหตุผลส่วนใหญ่ของการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมกลางปีงบประมาณนั้น ก็เพื่อนำเงินเอาไว้ใช้จ่ายตามภารกิจและความจำเป็นของรัฐบาลที่เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละช่วงเวลาก็มีเหตุผลความจำเป็นที่แตกต่างกันตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น

ทั้งนี้จากการตรวจสอบรายละเอียดของการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ ในรอบ 6 ทศวรรษที่ผ่านมา มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมถึง 18 ครั้ง งบประมาณรวมกว่า 861,325.5 แสนล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ย้อนกลับไปในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ระหว่างปี 2503-2506 ตั้งงบเพิ่ม 4 ปีวงเงินรวมกว่า 788 ล้านบาท เพื่อรองรับภารกิจของกระทรวงกลาโหม ดังนี้

  • ปีงบประมาณ 2503 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 79.635 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2504 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 24.238 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2505 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 285 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2506 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 400 ล้านบาท

ขณะที่รัฐบาลจอมพล ถนอม กิตติขจร ระหว่างปี 2508-2516 ตั้งงบกว่า 2,328 ล้านบาท เพื่อรับมือวิกฤตการณ์ทางการเมือง ดังนี้

  • ปีงบประมาณ 2508 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 450 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2509 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 700 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2510 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 748.31 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2516 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 430 ล้านบาท

สมัยรัฐบาลนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2517 ต้องตั้งงบพิเศษ เพื่อรองรับผลกระทบหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ โดยปีงบประมาณ 2517 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 3,439,920,929 บาท

ขณะที่รัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ และรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในปี 2523 ต้องจัดงบกว่า 5,731.834 ล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจจากวิกฤติน้ำมัน

รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ในปี 2533 ก็ต้องตั้งงบเพิ่มกว่า 11,869 ล้านบาท จากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ

จากนั้นในสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งงบประมาณ รวมกว่า 224,500 ล้านบาท ในปี 2547-2548 รองรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนี้

  • ปีงบประมาณ 2547 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 174,500 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2548 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 50,000 ล้านบาท

วิกฤตเศรษฐกิจถดถอยอย่างร้ายแรง ที่ได้รับการเรียกขานว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ หรือ The Great Recession เป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ และรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องตั้งงบเพิ่มเติม 216,667 ล้านบาทในปี 2552-2554 เพื่อแก้ปัญหา ดังนี้

  • ปีงบประมาณ 2552 สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 116,700 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2554 สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อเนื่องถึงนายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 99,967.531ล้านบาท

ท้ายที่สุด รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ระหว่างปี 2559-2561 ต้องตั้งงบเพิ่มเติมรวมกว่า 396,000 ล้านบาท เพื่อรองรับโครงการลงทุนภาครัฐที่สำคัญๆ และบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ดังนี้

  • ปีงบประมาณ 2559 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 56,000 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2560 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 190,000 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2561 ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 150,000 ล้านบาท

แม้ในรอบ 6 ทศวรรษที่ผ่านมาจะมีการใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งหมดก็ยังคงเป็นไปตามความจำเป็น โดยมีเหตุผลเพื่อรองรับนโยบายหรือแก้ไขปัญหาแต่ละยุคสมัย และเป็นสิ่งที่รัฐบาลหลายสมัยทำอย่างต่อเนื่อง