วันนี้ (21 พฤษภาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุมครม. ว่ารัฐบาลอยากเห็นเศรษฐกิจไทย ปี 2567 ขยายตัวได้เกินกว่า 2.5% โดยควรหามาตรการต่าง ๆ มาประตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวให้มากกว่านี้
"รองนายกฯ คอมเมนต์ว่า ตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ปีนี้ที่ 2.5% เมื่อเทียบกับหลายประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เติบโตมากกว่าไทย โดยหลายประเทศเติบโตมากกว่า 5% ดังนั้นถ้าเราเติบโตแค่ 2.5% แม้จะเป็นตัวเลขที่ดีกว่าปีที่แล้ว แต่เราไม่ควรจะพึงพอใจแค่นี้ โดยควรหามาตรการกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยโตได้ตามศักยภาพ หรือโตให้มากกว่า 2.5%" นายชัย ระบุ
สำหรับการแสดงความเห็นดังกล่าวเป็นผลมากจากการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 1 ปี 2567 และแนวโน้มปี 2567 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งได้มีการแถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของไทย ไปเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เศรษฐกิจไทยขยายตัว 1.5% ส่วนแนวโน้มทั้งปี 2567 เดิมคาดว่า จะขยายตัวอยู่ที่ 2-3% โดยมีค่ากลางการประมาณการ 2.5%
ส่วนแนวโน้มทั้งปี 2567 สศช. ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ จากเดิมคาดว่า จะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2.2-3.2% ลดลงเหลือ 2-3% (ค่ากลางการประมาณการ 2.5%) เป็นการปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ จากการขยายตัว 1.9% ในปี 2566 คาดว่าการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัว 4.5% และ 3.2% ตามลำดับ มูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 2% อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.1 - 1.1% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1.2% ของ GDP
อย่างไรก็ตาม สศช. ยังได้เสนอแนวทางในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในปี 2567 เพื่อให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2567 จะขยายตัวได้ 2-3% หรือเฉลี่ย 2.5% ควรให้ความสำคัญกับเรื่องต่าง ๆ อย่างน้อย 5 เรื่อง ดังนี้