วันที่ 10 มิถุนายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2567 ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า เราเห็นแล้วว่า เศรษฐกิจไทยมีปัญหา อัตราตัวเลขขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีโตต่ำ เมื่อเทียบกับศักยภาพและน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ตัวเลขจีดีพี ปี 67 ทั้งปี เติบโต 2.5 %
"เราคงนั่งเฉยๆ ไม่ได้ ต้องมีมาตรการเศรษฐกิจออกมาตอนนี้ และให้เป็นแรงส่งทางเศรษฐกิจในระยะยาวในอีก 3 ปีข้างหน้า เป็นทางที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยรอดได้ จีดีพีต้องอยู่ในระดับ 5 %"นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า สำหรับมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเบื้องต้นที่จะส่งผลให้ตัวเลขจีพีดีไปสู่เป้าหมายในปี 67 ที่ 3 % คือ ภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปได้ดีเพราะการท่องเที่ยว โดยจะตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มอีก 1 ล้านคน เป็น 36.7 ล้านคน จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 35.7 ล้านคน หรือ คิดเป็น 0.12 % ภายใต้มาตรการผลักดันนักท่องเที่ยวต่างชาติให้อยู่พำนักระยะยาวมากขึ้น
นายพิชัยกล่าวว่า ขณะเดียวกันรัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐในปีงบประมาณ 67 วงเงินรวมทั้งสิ้น 8.5 แสนล้านบาทให้ได้ถึง 70 % อย่างไรก็ดีเป้าหมายที่แอบตั้งไว้ในใจ คือ 75 % เพื่อให้ทะลุมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันตัวเลขเบิกจ่ายแล้วอยู่ที่ 41 % หากรวมเม็ดเงินที่รอการเซ็นสัญญา (PO) ด้วย จะทำให้มีผลการเบิกจ่ายรวมกันทั้งหมด 51 % ดังนั้นยังเหลือที่ต้องทำให้เป็นไปตามเป้าหมายอีกราว 20 %
“วันพุธนี้ (12 มิ.ย.67) จะหารือกับหน่วยงานที่ยังใช้งบประมาณต่ำกว่าเป้าหมายเยอะ โดยจะมานั่งรวบรวมว่าปัญหาคืออะไร เพื่อขับเคลื่อนการใช้งบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย ถ้าเราผลักดันการเบิกจ่ายงบลงทุนไปได้ถึง 70 % จะทำให้สามารถเพิ่มตัวเลขจีดีพีได้อีก 0.24 %”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า สำหรับมาตรการที่สาม คือ การลงทุนภาคเอกชนภายใต้การส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) แม้จะประเมินได้ยาก แต่ตัวเลขที่เป็นไปได้ คือ การลงนามตกลงการลงทุนและพร้อมที่จะเริ่มงานจำนวนทั้งหมด 8 แสนกว่าล้านบาท หากสามารถลงทุนในปี 67 ได้ 3-4 หมื่นล้านบาทจะสามารถเพิ่มจีดีพีได้
“เบื้องต้นจีดีพีที่ตั้งเป้าไว้ 3 % แต่เราคงต้องมานั่งดูว่า มาตรการอะไรที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวไหนจะสามารถเร่งมาดำเนินการได้เพื่อให้มากกว่า 3%”นายพิชัยกล่าว