เปิดให้บริการแล้ว “ทางหลวงหมายเลข 3” สายพัทยา-สัตหีบ รองรับ EEC

24 มิ.ย. 2567 | 05:45 น.

“กรมทางหลวง” เปิดให้บริการถนนทล.3 สายพัทยา - อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ยาว 22 กม. วงเงิน 2.9 พันล้านบาท แก้ปัญหารถติดสายหลักพร้อมรองรับโครงข่ายคมนาคมขนส่งในอนาคต ยกระดับถนนปลอดภัยในพื้นที่อีอีซี

นายสราวุธ  ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า กรมฯโดยสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ได้ดำเนินการโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 สายพัทยา - อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี วงเงินงบประมาณ 2,945 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการได้ดำเนินก่อสร้างระหว่าง กม.ที่ 153+200 ถึง กม.ที่ 175+442  แล้วเสร็จ

เปิดให้บริการแล้ว “ทางหลวงหมายเลข 3” สายพัทยา-สัตหีบ รองรับ EEC

ขณะเดียวกันได้ทำการเปิดใช้บริการแก่ประชาชนเรียบร้อยแล้ว เพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่เกิดขึ้นบนทางหลวง รองรับปริมาณการขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมโยงการสัญจรในพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้ในปัจจุบันทางหลวงสายดังกล่าวมีปริมาณการจราจร 28,322 คันต่อวัน เป็นเส้นทางสำคัญเชื่อมต่อระหว่างแหล่งท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ชุมชนเมืองพักอาศัยตามแนวเลียบชายฝั่ง รวมทั้งรองรับการเปิดให้บริการของท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 3 ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด

เปิดให้บริการแล้ว “ทางหลวงหมายเลข 3” สายพัทยา-สัตหีบ รองรับ EEC

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า กรมฯจึงมีความจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาโครงข่าย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของทางหลวงเพื่อเพิ่มความคล่องตัว (mobility) ให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการเดินทางอย่างสูงสุด 

ส่วนการก่อสร้างโครงการฯมีลักษณะการก่อสร้างเป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษเดิม 4 ช่องจราจร (ไป - กลับ) เป็น 8 ช่องจราจร (ไป - กลับ ข้างละ 4 ช่องจราจร) ผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก ช่องจราจรกว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางกว้าง 2.50 เมตร

แบ่งทิศทางการจราจรด้วยแบริเออร์คอนกรีต ก่อสร้างสะพานคอนกรีตสะพาน overpass รูปแบบ segment ที่ กม.169+169 (แยกเจ) มีความยาว 320 เมตร 

เปิดให้บริการแล้ว “ทางหลวงหมายเลข 3” สายพัทยา-สัตหีบ รองรับ EEC

กม.172+055 (แยกเตาถ่าน) มีความยาว 360 เมตร พร้อมทั้งก่อสร้างสะพานกลับรถและสะพานลอย รวมงานติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง ป้ายเตือน ป้ายจราจรต่าง ๆ 

นอกจากนี้โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 สายพัทยา - อ.สัตหีบ   จ.ชลบุรี จะช่วยยกระดับระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ของประเทศในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ