"กนอ." ผุดนิคมฯเฮอร์มีสดูดทุนต่างชาติเข้าไทยกว่า 3.5 หมื่นล.

01 ก.ค. 2567 | 06:24 น.
อัพเดตล่าสุด :01 ก.ค. 2567 | 06:24 น.

"กนอ." ผุดนิคมฯเฮอร์มีสดูดทุนต่างชาติเข้าไทยกว่า 3.5 หมื่นล. ปูทางสู่เการป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำในประเทศไทย ระบุเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 70 ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ.

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการร่วมกับบริษัท เฮอร์มีส โคออพเปอเรชั่น จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเฮอร์มีสซึ่งจะเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 70 ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ.

ทั้งนี้ การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว เพื่อรองรับอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) ในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนและยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) สอดรับนโยบาย Thailand 4.0 
 

โดยจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมบนฐานของเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรม เน้นพัฒนาในกลุ่ม Cluster อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ซึ่งประเทศไทยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน (มกราคม 2565 – เมษายน 2566) และเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปีก่อน ในจำนวนนี้มีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตจากประเทศจีนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงถือเป็นโอกาสดีที่นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวจะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำในประเทศไทยต่อไป

"กนอ." ผุดนิคมฯเฮอร์มีสดูดทุนต่างชาติเข้าไทยกว่า 3.5 หมื่นล.

“เชื่อว่านิคมอุตสาหกรรมดังกลล่าวจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องได้เป็นอย่างดี” 

สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมเฮอร์มีส ตั้งอยู่ในตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พื้นที่ประมาณ 1,231-1-29.4 ไร่ เป็นรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุน พัฒนา และให้บริการระบบสาธารณูปโภคภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ. 

ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการ กนอ. ครั้งที่ 5/2567 มีมติอนุมัติในหลักการจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมเฮอร์มีส ภายใต้เงินลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ประมาณ 2,880 ล้านบาท

“นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวจะดึงดูดการลงทุนได้อย่างมหาศาล สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 35,320 ล้านบาท รวมทั้งสร้างงานประมาณ 8,830 ตำแหน่ง โดยจะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาประมาณ 3 ปี ภายหลังจากได้รับการประกาศเขตนิคมอุตสาหกรรมแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในปี 2569”