นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการร์ที่น่าตกใจ คือ การปิดกิจการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ที่เพิ่มมากขึ้นในปีนี้
ทั้งนี้ เห็นได้จากตัวเลข 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ปี 67 มีโรงงานปิดตัว 600 กว่าแห่ง มูลค่าเฉลี่ย 27 ล้านบาท
ขณะที่ 5 เดือนปี 66 มีการปิดโรงงาน 358 แห่ง มูลค่าเฉลี่ย 117 ล้านบาทต่อแห่ง
โดยเป็นการบ่งชี้ว่าเอสเอ็มอีปิดกิจการ และมีการเลิกจ้างเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้สินค้ามีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น
"สาเหตุหลักมาจากความสามารถในการแข่งขันของไทย ปัญหา Geopolitics การค้าโลกที่ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และสินค้าส่งออกไทยที่ยังคงเป็นสินค้าเดิม ๆ ดังนั้น จึงควรเร่งปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในประเทศ"
ด้านดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย. อยู่ที่ระดับ 87.2 ลดลงจาก 88.5 ในเดือน พ.ค. ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และมีค่าดัชนีต่ำสุดรอบ 24 เดือน เนื่องจากปัจจัยลบจากเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า จากอุปสงค์ในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึงขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังอ่อนแอ ส่งผลไปถึงยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ
"จากปัญหาหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ที่เร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย รถยนต์ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ส่งผลให้การบริโภคในประเทศชะลอลง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีประสบปัญหาสภาพคล่อง ขาดเงินหมุนเวียนในกิจการ และเข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้น เนื่องจากสถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อ และยังมีปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทเนอร์และเรือขนส่งสินค้าที่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่อง ทำให้ค่าระวางเรือเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ"