เคล็ดลับ ปั้นธุรกิจโรงแรม ยุคหลังโควิด19 : The Iconic

30 ก.ค. 2567 | 12:08 น.
อัพเดตล่าสุด :30 ก.ค. 2567 | 12:16 น.

เคล็ดลับ ปั้นธุรกิจโรงแรม ยุคหลังโควิด19 โดย ไมตี้-พัชรพล เตชะหรูวิจิตร ทายาทรุ่นที่ 3 ของ ASIA กับการปลุกปั้นธุรกิจในเครือ 7 บริษัท ด้วยเทคนิค Teamwork-Communication-Proactive : The Iconic

โรงแรมเอเชีย โรงแรมหรูใจกลางเมืองย่านราชเทวี เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2509 จนถึงปัจจุบัน คือ บริษัท เอเชียโฮเต็ล จำกัด (มหาชน) (ASIA) ซึ่งบริหารงานภายใต้ ตระกูล “เตชะหรูวิจิตร” ผ่านการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่าน รวมทั้งผ่านวิกฤติมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังยืนหนึ่งอยู่ในโรงแรมชั้นนำของกรุงเทพฯ 

ปัจจุบัน “โรงแรมเอเชีย” อยู่ในช่วงการบริหารงานของสมาชิกรุ่นที่ 3 ของตระกูล นำโดย “ไมตี้-พัชรพล เตชะหรูวิจิตร” ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASIA และเป็นหนึ่งในทายาทที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนองค์กรในปัจจุบัน 

“ไมตี้” จบการศึกษาระดับ ป.ตรี จากรั้วเหลือง-แดง (มธ.) คณะเศรษฐศาสตร์ และเริ่มต้นชีวิตการทำงานกับ บลจ.ทาลิส จำกัด (Talis) ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับผู้มีประสบการณ์ โดยเฉพาะการได้ร่วมพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หลายท่าน จากหลากหลายธุรกิจ จนมีประสบการณ์และทัศนคติต่อการทำธุรกิจที่เปิดกว้างมากขึ้น

เมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาพอสมควร “ไมตี้” กลับมาช่วยทำงานที่โรงแรมของครอบครัว เริ่มต้นในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ซึ่งภารกิจแรก คือการปิดดีลกิจการโรงแรม Quality Inn Long Beach Airport ที่สหรัฐฯ โดยสามารถบรรลุข้อตกลงสำเร็จในที่สุด และหลังจากนั้นไม่นานก็ “ไมตี้” ตัดสินใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านการเงินที่สหรัฐฯ เพื่อนำมาต่อยอดกับการบริหารธุรกิจ และเมื่อจบการศึกษาในวัย 30 ปีก็ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” 

เคล็ดลับ ปั้นธุรกิจโรงแรม ยุคหลังโควิด19 : The Iconic

ภารกิจสำคัญ ณ ปัจจุบันของ “ไมตี้” คือการทำให้ทุกธุรกิจที่ทำนั้นทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ เพราะปัจจุบัน นักท่องเที่ยวเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่าย ต้องการบริการอย่างครบวงจร และยังต้องการความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับความทันสมัย จึงต้องเร่งรีโนเวททั้งห้องพัก ล็อบบี้ ห้องจัดเลี้ยง โดยจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ (67) ก่อนจะเดินหน้าปรับปรุงโรงแรมส่วนอื่นๆ ต่อไป เช่น โรงแรมเอเชียพัทยา และโรงแรมเอเชียแอร์พอร์ท 

การสานต่อธุรกิจจากรุ่นเก๋าสู่ Gen-3 ของตระกูล ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย หากขาดประสบการณ์ ก็ต้องอาศัยความรู้จากรุ่นพ่อที่มีประสบการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจนของ “ไมตี้” ยังไม่มีมากนัก จึงต้องอาศัยการสอบถามเพื่อให้เกิดการตกผลึก และดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองราคา การเจรจาธุรกิจต่าง

“ในทุกๆ คืนราวสี่ทุ่ม คุณพ่อจะโทรมาเชิญลูก ๆ ทุกคนเข้าไปที่ห้องนอน เพื่อสรุปงานในแต่ละวันว่า แต่ละคนทำอะไรไปบ้าง และสิ่งที่จะทำในวันถัดไปคืออะไร เพื่อหา Solution ในการแก้ปัญหาทางธุรกิจร่วมกัน จนบางทีพนักงานก็สงสัยว่า ทำไมเราถึงหาทางแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว”

ก้าวย่างการทำงานของ “ไมตี้” เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น (Proactive) เพราะถือว่า 
Gen-3 ของตระกูล อายุราว 30 ปีบวกลบนั้น อายุยังน้อย ยังมีแรงลงมือทำและมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ขณะเดียวกันด้วยความที่ยังเด็กจึงต้องทำงานหนักเพื่อให้ทีมงานมีความไว้วางใจและเชื่อใจ ดังนั้นบทบาทในช่วงแรก “ไมตี้” เริ่มทำงานด้วยการเป็นกระจกสะท้อนปัญหาจากระดับปฏิบัติการสู่ห้องประชุมของระดับบริหารและนำไปสู่การแก้ไข 

นอกจากนี้ People Skill ยังถือเป็นเรื่องสำคัญในการทำงาน “ไมตี้” เน้นการพูดคุยเพื่อนำไปสู่การแก้ไข ในช่วงแรกเน้นการเข้าหาทีมงานแต่ละคนด้วยตัวเอง จนได้รับความไว้วางใจ และมีพนักงานไม่น้อยเลยที่เดินเข้ามาหาด้วยตัวเอง เพราะอยากพูดคุยด้วย

เคล็ดลับ ปั้นธุรกิจโรงแรม ยุคหลังโควิด19 : The Iconic

ก้าวต่อไปของ ASIA ยังคงมุ่งเน้นการ Rebranding โรงแรมทั้งหมด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ลดความเก่าแก่ของแบรนด์ลงให้มีความ Friendly มากขึ้น เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวภายหลังการระบาดของโควิด-19 เปลี่ยนแปลงไป ไม่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่จะเน้นการเดินทางด้วยเอง และส่วนมากพบว่า จองที่พัก ผ่าน OTA (Online Travel Agent) หรือตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์ต่างๆ ทำให้ต้องบริการจัดการหน้าฟร้อนท์ให้ดีขึ้น ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลของแผนการรีโนเวทโรงแรมทุกแห่งในช่วงต่อจากนี้

3 Key Success

  • Teamwork พูดคุย รับฟังปัญหา ทำงานร่วมกัน ทุกการประชุมต้องได้สาระและคำตอบเพื่อดำเนินงานต่อ
  • Communication การสื่อสารคือส่วนสำคัญ คุยและรับฟังให้มากที่สุด เพื่อเข้าใจปัญหา
  • Proactive การทำงานหนักในวัยที่ยังมีแรง 

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,010 วันที่ 18 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2567