"วีเอ็นยู" รุกหนุนไทยขึ้นแท่นฮับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ

นางสาวปนัดดา ก๋งม้า รองประธานสายงานธุรกิจ วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการกระตุ้นอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ รวมถึงหารผสมผสานการใช้โซลูชั่นและเทคโนโลยี ICT เพื่อส่งเสริมการปฏิวัติ Digital Health Tech ของประเทศไทย 

โดยดำเนินการผ่านงาน Health & Innovation Asia 2024 ควบคู่ไปกับ Thailand LAB INTERNATIONAL 2024 เพื่อให้เกิดการเจรจาทางธุรกิจ ซึ่งจะนำไปสู่เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมสุขภาพและเทคโนโลยี ซึ่งจะปฏิวัติอนาคตการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม 

สำหรับงาน Health and Innovation Asia 2024 มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพยุคใหม่ในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่หลากหลายที่ต้องการสำรวจศักยภาพของเทคโนโลยีในการกำหนดอนาคตของการดูแลสุขภาพ โดยได้รับความร่วมมือจากงาน Zorg & ICT ซึ่งเป็นงานเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ 
 

ขณะที่งาน Health and Innovation Asia จะดึงดูดผู้เชี่ยวชาญในวงการหลายพันคนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ ส่งเสริมสภาพแวดล้อมของการแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างแรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและโซลูชั่นซึ่งมีส่วนสนับสนุนในการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนและรองรับอนาคตทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย 

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศไทยกำลังเร่งตัวขึ้นผ่านโมเดลเศรษฐกิจไทยแลนด์ 4.0 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งให้ความสำคัญกับความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม ค่านิยมของมนุษย์ และการปกป้องสิ่งแวดล้อม 

การลงทุนด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ได้นำไปสู่ความก้าวหน้าที่สำคัญในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและบรอดแบนด์ ซึ่งข้อมูลดิจิทัลสามารถเปลี่ยนคุณภาพและความยั่งยืนของสุขภาพและการดูแลสุขภาพได้ หากใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพจะสามารถช่วยชีวิต ปรับปรุงสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี 

รวมไปถึงสนับสนุนระบบสุขภาพที่ยั่งยืนซึ่งให้บริการด้านสุขภาพที่ปลอดภัย คุณภาพสูง และมีประสิทธิภาพแก่ประชากรทั้งหมดในประเทศไทยและเอเชีย เจะเห็นศักยภาพและโอกาส

ด้านอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาสุขภาพในปัจจุบัน ส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน และตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคสำหรับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ ตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้คาดว่าจะเติบโตจาก 988.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 เป็น 1,405.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2032 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 4.50% 

อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตนี้ในเอเชียได้แก่ การตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการแพร่ระบาดของโรคเรื้อรังที่สูงขึ้น