นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ให้ความสนใจเข้ามาเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ในประเทศเวียดนาม ของบริษัทฯ ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 8,420 ล้านบาท โดยปัจจุบันขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 30 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 3 โครงการ กำลังการผลิต 130 เมกะวัตต์ เตรียมทยอย COD ตั้งแต่ปลายปี 2567 เป็นต้นไป
“ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่หลายราย สนใจเข้าลงทุนในวินด์ฟาร์มเวียดนามของ EP เพราะเป็นโครงการที่สำเร็จแล้ว อยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งรอเพียง COD เท่านั้น ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของทางฝั่งรัฐบาลเวียดนามที่ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเราอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอที่ดีที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น และต้องยอมรับว่าโครงการไฟฟ้าวินด์ฟาร์มในเวียดนามมีความล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมออกไปมาก ทำให้บริษัทฯจำเป็นต้องมีการหาพันธมิตรเพื่อแบ่งเบาภาระด้านการลงทุน และการบริหารจัดการเงินทุนให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดรับที่ได้จากการขายไฟ“
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่จะได้จากการขายไฟ และเงินลงทุนที่จะได้รับจากพันธมิตร ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯในวันที่ 5 กันยายน 2567 มีมติอนุมัติขอขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ EP 249A ครั้งที่1/65 วงเงินรวม 570 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 14 กันยายน 2567 ออกไปไม่เกิน 12 เดือน และเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจากเดิม 5.25% เพิ่มอีก 0.50% รวมเป็น 5.75% ต่อปี พร้อมชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน โดยจะจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 13 กันยายน 2567
"สาเหตุที่ทำให้ต้องขอขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ออกไป ก็เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดรับที่จะเข้ามาในอนาคต เพราะตลาดหุ้นกู้ถูกกระทบหนักจากวิกฤติความเชื่อมั่น และสถาบันการเงินจำกัดการปล่อยสินเชื่อ ทำให้การระดมทุนผ่านตลาดเงินตลาดทุนในปัจจุบัน มีความยากลำบากมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแผนงานที่ชัดเจนในการบริหารกระแสเงินสด เพื่อนำเงินมาไถ่ถอนหุ้นกู้ที่มีอยู่ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถชำระหนี้ได้ตามแผน เนื่องจากผลการดำเนินงานมีความแข็งแกร่ง เห็นได้จากในงวดครึ่งแรกปี 2567 มีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าจำนวน 188.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 160.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.53% " นายยุทธ กล่าวย้ำในตอนท้าย