“พิชัย” กางแผนด่วน แก้ของแพง คุมสินค้าจีน ดัน FTA กระตุ้นการค้า

06 ก.ย. 2567 | 12:32 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ย. 2567 | 12:34 น.

“พิชัย นริพทะพันธุ์” กางแผนด่วนกระทรวงพาณิชย์ เร่งแก้สินค้าราคาแพง ดูแลค่าครองชีพประชาชน พร้อมคุมสินค้าจีนทะลักเข้าไทย และพร้อมเร่งเจรจรา FTA ของไทยกระตุ้นการค้า เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันประเทศกับเพื่อนบ้าน

วันนี้ (6 กันยายน 2567) เวลา 18.50 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังจากเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่า เบื้องต้นจะเร่งหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงพาณิชย์ และมอบนโยบายเร่งด่วน โดยเฉพาะหลายเรื่องที่เป็นปัญหากระทบกับประชาชน 

เรื่องแรกคือการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงโดยต้องไปดูในเรื่องของต้นทุนสินค้าว่า สินค้านั้นมีต้นทุนสินค้าที่เหมาะสมหรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสมต้องเรียกผู้ประกอบการมาคุยกันว่าจะลดราคาสินค้าลงอย่างไรเพื่อให้ประชาชนไม่เดือดร้อน 

เรื่องต่อมาคือเรื่องของสินค้าจีน ซึ่งทะลักเข้ามาในประเทศไทยมากก็ต้องดูว่าเรื่องนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร โดยตอนนี้มีหลายมาตรการที่ออกมาแล้ว ก็ต้องมาดูว่ามาตรการที่ออกมาแล้วสามารถแก้ไขได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องออกมาตรการเพิ่มและจะออกมาตรการอย่างไร 

ขณะเดียวกันเรื่องต่างประเทศ ต้องเร่งเรื่องของการเจรจาความตกลงเขตเสรีการค้ากับต่างประเทศ (FTA) ซึ่งถ้าประเทศไทยมีข้อตกลง FTA มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะทำให้เรามีการลงทุนเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น เพราะตอนนี้ไทยตามหลังประเทศเพื่อนบ้านมาก หากไม่เร่งเจรจา FTA เพิ่มขึ้นอาจทำให้ไทยสูญเสียโอกาสได้ 

นายพิชัย กล่าวว่า การลงทุนของต่างประเทศที่เป็นโอกาสของไทยก็ต้องมีการเร่งรัดให้มีการค้าและการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์หรือ PCBซึ่งเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่มีการลงทุนอย่างมากและจะเป็นการเติบโตที่เป็นนิวเอสเคิร์ฟใหม่ของประเทศไทย 

โดยปีที่ผ่านมามีการลงทุนกว่า 1.5 แสนล้านบาท และหากมีการส่งเสริมที่ดีจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นล้านล้านบาทได้เลยเนื่องจากมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องเป็นคลัสเตอร์ที่จะมีการลงทุนเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนใหม่ๆนี้จะช่วยเปลี่ยนโครงสร้างการส่งออกของประเทศไทยได้ในอนาคต 

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า สินค้าเหล่านี้จะช่วยเพิ่มการส่งออกที่เป็นสินค้าใหม่ ๆ ที่มีมูลค่าสูง การจ้างงานก็จะดีขึ้นและค่าแรงของคนไทยก็จะดีขึ้น เพราะอุตสาหกรรมเหล่านี้จ้างงานได้กว่า 40,000 บาทต่อเดือน หรือถ้าเป็นวิศวกรในสาขานี้ก็สามารถที่จะมีเงินเดือนเป็นหลักแสนบาทได้ในทันที