ในขณะที่เสียงหวูดรถพยาบาลดังขึ้นบนท้องถนน ไม่ใช่เพียงชีวิตและครอบครัวเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่เศรษฐกิจของประเทศไทยก็กำลังสั่นคลอนอย่างเงียบ ๆ ด้วยเช่นกัน อุบัติเหตุบนท้องถนนไม่เพียงแต่คร่าชีวิตผู้คน แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในวงกว้างอย่างที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง
ประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงที่สุดเป็นลำดับที่ 9 ของโลก
ประมาณการผู้เสียชีวิต 32.7 คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคน หรือมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 22,491 คน (เฉลี่ย 60 คนต่อวัน) สถานการณ์การบาดเจ็บและ สูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อยในภาพรวม
มีข้อมูลผู้เสียชีวิตลดลงจากเดิมจากประมาณการครั้งที่ผ่านมาขององค์การอนามัยโลก 2,000 คน แต่ ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดอันดับหนึ่งในเอเชียและภูมิภาคอาเซียน สัดส่วนผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางถนนทั่วโลก มีผู้เสียชีวิตจากรถยนต์มากที่สุด ร้อยละ 29 รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 28
ที่เหลือเป็นผู้ขี่จักรยานและผู้เดินเท้า ร้อยละ 26 และผู้ใช้ถนนอื่น ๆ ร้อยละ 17 ทั้งนี้สัดส่วนผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทำงถนนของประเทศไทยเป็นผู้เสียชีวิตที่เกิดจำก รถจักรยานยนต์ที่สุด ร้อยละ 74.4 รถยนต์ ร้อยละ 12.3 ผู้เดินเท้า ร้อยละ 7.6 ผู้ขี่จักรยาน ร้อยละ 3.5 และผู้ใช้ถนนอื่นๆ ร้อยละ 2.3
จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2019 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 19,904 ราย ปี 2020 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 17,831 ราย ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งมีค่าที่สุดของประเทศ แต่กลับเกิดการสูญเสียปีละราว 10,000-20,000 คน สุดท้ายก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ปี 2018 ธนาคารโลกคาดว่า ไทยอาจสามารถเพิ่ม GDP ได้มากถึง 22% หากสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนลงได้ครึ่งหนึ่ง ด้าน WHO ประมาณการไว้เมื่อปี 2019 ว่าอุบัติเหตุทางถนนสร้างต้นทุนให้กับไทยถึง 500,000 ล้านบาท หรือ 3% ของ GDP ซึ่งของประเทศไทยอยู่ประมาณ 14-15 ล้านล้านบาท
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 22,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ย 60 คนต่อวัน
ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมอีกด้วย โดยทำให้ทั่วโลกสูญเสียเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าประมาณ 518,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศที่ร่ำรวยนั้นสูงกว่าประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงเกินไป การสูญเสียที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางถนนทั่วโลกหนึ่งในสี่เกิดจากการสูญเสียผลผลิตจากสถานที่ทำงาน
อุตสาหกรรมการเกษตร ป่าไม้ การขนส่งทางบก การทำเหมืองแร่ การก่อสร้างหนัก และการขายและซ่อมแซมยานยนต์ เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องแบกรับภาระทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางรถยนต์หนักที่สุด
ไทยตั้งเป้าลดเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 12 คน/ประชากร 1 แสนคนในปี 2570
รายงานขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ปี 2018 พบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการชนบนถนนทั่วโลกต่อปีสูงขึ้นเป็น 1.35 ล้านคน คิดเป็นค่าเฉลี่ยวันละ 3,700 คน ประเทศสมาชิกรวมทั้งประเทศไทยร่วมขับเคลื่อนตามเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ข้อที่ 3.6 ที่ตั้งเป้าหมายลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการชนบนถนนลงครึ่งหนึ่ง ในปี 2030
และข้อ 11.2 ที่ให้ความสำคัญกับการจัดให้มีการเข้าถึงระบบคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน ปลอดภัย ในราคาที่สามารถจ่ายได้สำหรับทุกคน พัฒนาความปลอดภัยทางถนน โดยการขยาย การขนส่งสาธารณะ และคำนึงถึงกลุ่มสตรี เด็กผู้พิการ และผู้สูงอายุภายในปี 2030 รวมถึงการรับรองกรอบปฏิญญาด้านความปลอดภัยทางถนนของสหประชาชาติ และร่วมขับเคลื่อนการดำเนินการตามทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนกันอย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทยจึงมีเป้าหมายการลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้เหลือเท่ากับ 12 คนต่อประชากรแสนคน หรือ 8,478 คนในปี 2027 (พ .ศ.2570) เป็นไปตามเป้าหมายและตัวชี้วัดภายใต้แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งชาติ ประเด็นโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล อีกทั้งเป็นเป้าหมายของแผนแม่บทด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย และนโยบายรัฐบาลเพื่อให้ประชาชนมีความสุขในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความปลอดภัย การให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากลและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ข้อมูลอ้างอิง