นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มอบนโยบายการขับเคลื่อน "เศรษฐกิจวัฒนธรรม เพื่อการพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน" เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 22 ของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งก้าวต่อไปสู่ปีที่ 23 โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีกรอบแนวคิดขับเคลื่อนงานคือ "4-3-2-1" หรือ "4 นโยบาย - 3 แนวทาง - 2 รูปแบบ - 1 เป้าหมาย"
สำหรับ 4 นโยบายในการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างสังคมเข้มแข็งและสนับสนุนเศรษฐกิจวัฒนธรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1. ส่งเสริม สร้างสรรค์ ผลักดันทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นทุนทางเศรษฐกิจ
เสริมสร้างระบบนิเวศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจวัฒนธรรม 3. เสริมพลังสร้างสรรค์ให้ "คน" เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมและสังคม และ 4. พัฒนาและผลักดันสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมให้มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในตลาดโลก
โดยเน้นการปฏิบัติใน 3 แนวทาง คือ
ขณะที่ 2 รูปแบบ คือ
และการสนับสนุนการทูตวัฒนธรรม ผลักดันให้วัฒนธรรมไทย "เข้าถึงง่าย" "เข้าใจได้" และ "ได้ใจด้วย" การใช้ทรัพยากรและทุนทางวัฒนธรรมของกระทรวงวัฒนธรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด การพัฒนาสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมตามความต้องการของตลาด พร้อมทั้งศึกษาวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคและผลักดันสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมเข้าสู่แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ระดับโลก การสร้างความโดดเด่นและยกระดับคุณค่าและมูลค่าของสินค้าและบริการด้วยอัตลักษณ์วัฒนธรรม และพัฒนาสู่สินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในตลาดโลก เป็นต้น
โดยขับเคลื่อนสู่ 1 เป้าหมาย คือ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยเศรษฐกิจวัฒนธรรมใน 3 ด้าน ประกอบด้วยด้านเศรษฐกิจ เร่งเพิ่ม GDP ด้านวัฒนธรรม ด้านสังคมยั่งยืน เพิ่มจำนวนแรงงานทักษะสูงด้านวัฒนธรรมจาก 9.9 แสนคนสู่ 1.2 ล้านคน และเข้าสู่ระบบวิชาชีพ และการขับเคลื่อนสู่เวทีโลก
“โดยผลักดันให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 25 ประเทศที่มีอิทธิพลด้าน Soft Power ในมิติวัฒนธรรม” รมต.สุดาวรรณ กล่าว
รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า วธ. จะส่งเสริมและผลักดันเศรษฐกิจวัฒนธรรม โดยใช้ "ทุนทางวัฒนธรรม" ซึ่งเชื่อมโยงกับวิถีชุมชน คุณภาพชีวิต และความคิดสร้างสรรค์ของประชาชน และอาศัย "ระบบนิเวศ" และโครงสร้างพื้นฐานทางวัฒนธรรมที่ดี เพื่อเป็นแรงหนุนให้เกิดการนำศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ของ "คน" มาใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อส่งเสริม Soft Power ผ่านการยกระดับทักษะและปลดล็อกศักยภาพของคนไทย ด้วยการขับเคลื่อนการยกระดับทักษะ 1 ครอบครัว 1 Soft Power คู่ขนานไปกับการเพิ่มการเข้าถึงศิลปวัฒนธรรมของผู้คน รวมไปถึงการผลักดันอุตสาหกรรมวัฒนธรรม อาทิ ภาพยนตร์และคอนเทนต์ ศิลปะ แฟชั่น อาหารไทย ฯลฯ
นอกจากนี้ยังร่วมผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เทศกาลประเพณี ให้ไทยเป็นประเทศแห่งเทศกาลประเพณีในระดับโลก ด้วยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายศิลปินทุกสาขา กลุ่มวิชาชีพในอุตสาหกรรมวัฒนธรรม กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมการขับเคลื่อน Soft Power ของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม จะต้องนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้เห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรม โดย วธ. ต้องมีทั้งผลงานและผลลัพธ์ที่ชัดเจนตามเป้าหมาย 3 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และการขับเคลื่อนสู่เวทีโลก และต้องมีความคืบหน้าและผลสัมฤทธิ์ภายในห้วงเวลา 12 เดือน เพื่อเร่งขับเคลื่อน วธ. สู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ อาทิ วธ. จะร่วมมือกับรัฐบาลเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม การท่องเที่ยวชาติพันธุ์ และเทศกาลประเพณีระดับโลก ผ่าน World Event อย่างประเพณีลอยกระทง เพื่อสร้างพลวัตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทุกระดับ
และเร่งรัดความคืบหน้า พ.ร.บ. ภาพยนตร์ รวมถึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำ พ.ร.บ. เกม ตลอดจนยกระดับทักษะผู้ผลิตและผู้ประกอบการทางวัฒนธรรมสู่การแข่งขันในระดับโลก พร้อมกับนำความเชื่อและความศรัทธาในท้องถิ่นมาต่อยอดสู่การสร้างรายได้อย่างสร้างสรรค์ ยกระดับวัฒนธรรมท้องถิ่น เปิดให้บริการหอศิลป์แห่งชาติ เพื่อเป็นพื้นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทย พร้อมทั้งเร่งยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และคอนเทนต์ไทยไปพร้อมกับอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสาขาอื่น ๆ และการผลักดันเมืองสร้างสรรค์ เชื่อมโยงท้องถิ่นสู่สากล และเน้นปลุกพลังสร้างสรรค์และศักยภาพของคนรุ่นใหม่ผ่านกิจกรรมและพื้นที่ทางวัฒนธรรมทั่วประเทศ
น.ส.สุดาวรรณ กล่าวในตอนท้ายว่า วันนี้ทุกท่านคงพอจะเห็นทิศทางของกระทรวงวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ในการชูเศรษฐกิจวัฒนธรรมให้เป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง เราจะขับเคลื่อนกระทรวงวัฒนธรรมสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจวัฒนธรรมที่เราขับเคลื่อนอย่างมุ่งมั่นต่อเนื่อง จะเป็นกุญแจสําคัญที่สุดปลดล็อกประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนค่ะเราจะนําพาประเทศไทยสู่ประเทศพัฒนาแล้วตามความมุ่งหมายของรัฐบาลและทุกภาคส่วน
"กุญแจที่เรียกว่าเศรษฐกิจวัฒนธรรม อยู่ในมือทุกท่าน รอให้ทุกท่านนําไปปลดล็อคขับเคลื่อนประเทศทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคมต่อไป"