รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงต่อเจ้าหน้าที่กลาโหมและนักพัฒนาขีปนาวุธว่า รัสเซียจะยังคงทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิครุ่นใหม่ชื่อ "โอเรชนิค" (Oreshnik หรือ ต้นเฮเซล) ในสภาพการรบจริง พร้อมยืนยันว่ามีอาวุธชนิดนี้ในคลังพร้อมใช้งานแล้ว
การทดสอบครั้งแรกมีขึ้นเมื่อวันก่อน โดยยิงเข้าโจมตีโรงงานขีปนาวุธและอวกาศ Pivdenmash (หรือที่รัสเซียเรียกว่า Yuzhmash) ในเมืองดนีโปรของยูเครน
ปูตินระบุว่าเป็นการตอบโต้หลังยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ และขีปนาวุธร่อน Storm Shadow ของอังกฤษโจมตีดินแดนรัสเซีย โดยได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ขีปนาวุธโอเรชนิคมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถบรรทุกหัวรบได้หลายลูกเพื่อโจมตีเป้าหมายต่างๆ พร้อมกัน ซึ่งโดยปกติเป็นคุณสมบัติที่พบในขีปนาวุธข้ามทวีปที่ออกแบบมาสำหรับหัวรบนิวเคลียร์ มีพิสัยการยิง 3,000-5,500 กิโลเมตร ครอบคลุมทั่วยุโรปและตะวันตกของสหรัฐฯ ด้วยความเร็วสูงถึง 13,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 15 นาทีในการเดินทางถึงเป้าหมาย
ปูตินย้ำว่าแม้จะไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ แต่อานุภาพการทำลายล้างและความแม่นยำของมันสามารถเทียบเท่าได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นกลุ่มขนาดใหญ่ร่วมกับอาวุธความแม่นยำสูงพิสัยไกลอื่นๆ และไม่มีระบบป้องกันใดในโลกที่สามารถสกัดกั้นได้
ด้านดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน กล่าวว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณถึงชาติตะวันตกว่า การกระทำที่ "ขาดความรอบคอบ" ในการผลิต จัดส่งอาวุธ และมีส่วนร่วมในการโจมตีดินแดนรัสเซียจะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรง
มอสโกมองว่าการที่ยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS และ Storm Shadow เข้าใส่รัสเซียเป็นหลักฐานว่าสหรัฐฯ และอังกฤษมีส่วนร่วมในสงครามโดยตรง เนื่องจากการกำหนดเป้าหมายด้วยดาวเทียมและการตั้งโปรแกรมเส้นทางการบินต้องดำเนินการโดยบุคลากรทางทหารของนาโต้ เพราะเคียฟไม่มีขีดความสามารถเหล่านี้เอง
เพสคอฟเปิดเผยว่าแม้ไม่มีข้อผูกมัดทางเทคนิคที่ต้องแจ้งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยิง เนื่องจากเป็นขีปนาวุธพิสัยกลางไม่ใช่ข้ามทวีป แต่รัสเซียก็ได้แจ้งให้สหรัฐฯ ทราบล่วงหน้า 30 นาทีก่อนการยิง พร้อมระบุว่าปูตินยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจา แต่รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนที่กำลังจะพ้นวาระกลับ "เลือกที่จะเดินหน้าสู่การยกระดับความขัดแย้ง"
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวในวิดีโอปราศรัยยามค่ำว่า การใช้ขีปนาวุธใหม่นี้เป็น "การยกระดับความรุนแรงที่ชัดเจนและรุนแรง" และเรียกร้องให้นานาชาติประณามการกระทำนี้อย่างเข้มแข็ง โดยรัฐมนตรีกลาโหมยูเครนกำลังหารือกับพันธมิตรเกี่ยวกับระบบป้องกันภัยทางอากาศใหม่ที่สามารถปกป้องชีวิตประชาชนจากภัยคุกคามใหม่นี้
เซเลนสกีกล่าวว่า "เมื่อใครบางคนเริ่มใช้ประเทศอื่นไม่เพียงเพื่อก่อการร้าย แต่ยังใช้เพื่อทดสอบขีปนาวุธใหม่ของพวกเขาผ่านการก่อการร้าย นี่คือ อาชญากรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน" และเตือนให้ชาวยูเครนระมัดระวัง เพราะ "สหาย" ปูตินจะยังคงพยายามข่มขู่พวกเขาต่อไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าอาวุธที่รัสเซียใช้เป็นเพียงต้นแบบทดลอง และรัสเซียมีจำนวนจำกัด ไม่สามารถนำมาใช้ในสนามรบได้อย่างสม่ำเสมอ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ทั้งยูเครนและรัสเซียต่างโจมตีดินแดนของกันและกันด้วยอาวุธที่มีอานุภาพรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
รัสเซียกล่าวหาว่าการที่สหรัฐฯ และพันธมิตรอนุญาตให้ยูเครนยิงขีปนาวุธตะวันตกเข้าไปลึกในรัสเซีย เท่ากับเข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร ปูตินได้อนุมัตินโยบายที่ลดเงื่อนไขการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธทั่วไป สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรงยิ่งขึ้นระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก