ธุรกิจเเท็กซี่ไร้คนขับ โอกาสปฎิวัติวงการขนส่งแต่ทำไมยังขาดทุน

12 ต.ค. 2567 | 04:04 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ต.ค. 2567 | 04:08 น.

ธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับ หรือ "RoboTaxi" หนึ่งในนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการขนส่งทั่วโลก แต่บริษัทที่ทำธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับทั่วโลก กลับกำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงินครั้งใหญ่

ในขณะที่ Tesla เพิ่งสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวโรโบแท็กซี่ไม่เพียงแต่ท้าทายผู้เล่นรายเก่าในตลาด แต่ยังเป็นการยืนยันว่าอนาคตของการขนส่งกำลังจะเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของ Tesla อาจทำให้การแข่งขันในตลาดที่ขาดทุนอยู่แล้วยิ่งดุเดือดขึ้น 

โดยเฉพาะการเข้ามาของ Tesla ในอุตสาหกรรมการเรียกรถอาจเป็นภัยคุกคามระยะยาวต่อ Uber และ Lyft นอกจากนี้ยังอาจบังคับให้พวกเขาพัฒนาและขยายการให้บริการยานยนต์ไร้คนขับของตนเอง หรือมองหาการเป็นพันธมิตรกับบริษัทของมัสก์คล้ายกับการเป็นพันธมิตรระหว่าง Uber กับ Waymo ที่เป็นของ Google 

Robotaxi Tesla : เครดิตภาพ X Tesla

Tesla  เปิดเผยรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแผนการของผู้ผลิตรถยนต์รายนี้สำหรับบริการรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่สามารถแข่งขันกับบริการเรียกรถได้ ทำให้ราคาหุ้นของ Uber พุ่งขึ้นถึง 7% จนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์  Lyft ก็พุ่งขึ้นถึง 8.3% แต่ราคาหุ้นของ Tesla ร่วงลงถึง 10%

สมรภูมิเเท็กซี่ไร้คนขับ

ธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับ หรือที่เรียกว่า "Robotaxi" เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่หลายคนคาดหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการขนส่งทั่วโลก โดยการนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ในการขับขี่ยานพาหนะเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัย แต่หลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจนี้กลับประสบปัญหาทางการเงินมากกว่าความสำเร็จ มีบริษัทหลายรายที่ลงทุนและขาดทุนอย่างมากในการพัฒนารถแท็กซี่ไร้คนขับ สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่มีผู้เล่นชั้นนำหลายราย

Waymo

Google เป็นเจ้าของ โดยเป็นธุรกิจหลักในกลุ่มการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่คาดหวังว่าจะเติบโตก้าวกระโดด เรียกรวมว่า Other Bets ของงบการเงินบริษัท เปิดให้บริการปลายปี 2020  มีรถยนต์พร้อมใช้งาน 700 คัน และให้บริการมาแล้วกว่า 20 ล้านไมล์ ในเมืองซานฟรานซิสโก, ฟีนิกซ์ และลอสแอนเจลิส แต่แม้จะมีการทดสอบที่ประสบความสำเร็จบ้าง การขยายบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศยังคงเป็นเรื่องท้าทาย Waymo ยังคงขาดทุนจากการลงทุนในเทคโนโลยีนี้ และยังไม่สามารถทำกำไรได้เต็มที่ ปี 2023 ขาดทุนกว่า 138,000 ล้านบาท

กระจกหลังของโรโบแท็กซี่ ยี่ห้อ Waymo Chrysler Pacifica ขณะจอดอยู่ในร้าน Target ในเมืองเทมเป้ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2021

Cruise 

General Motors เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เปิดตัวเมื่อปลายปี 2021 แม้ว่าจะมีการทดสอบการให้บริการในเมืองซานฟรานซิสโก แต่ยังคงเผชิญกับปัญหาทางเทคโนโลยีและการขาดทุนสูง จนต้องระดมทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาและทดสอบการให้บริการต่อไป ปี 2023 ขาดทุนกว่า 116,000 ล้านบาท

รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Cruise ซึ่งเป็นของ บริษัท General Motors Corp

Tesla

แสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติมานาน โดยเฉพาะในรูปแบบของ "Robotaxi" ที่ Elon Musk ประกาศว่าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ แต่ Tesla ยังไม่เปิดให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับได้เต็มรูปแบบ มีรายงานว่า Tesla ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการพัฒนา เทคโนโลยี Full Self-Driving (FSD)

แบรนด์สัญชาติจีนลงทุนธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับ

บริษัทจากสหรัฐฯ ครองส่วนแบ่งหลักในตลาดแท็กซี่ไร้คนขับ บริษัทจากจีนก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจนี้ โดยแบรนด์จากจีนได้ลงทุนอย่างหนักในการพัฒนาเทคโนโลยีแท็กซี่ไร้คนขับ แต่ก็เผชิญกับการขาดทุนอย่างมหาศาลเช่นเดียวกัน

ปี 2023 เมืองไม่กี่แห่งในจีน รวมถึงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลให้สามารถให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับบนท้องถนนได้โดยไม่ต้องมีผู้ควบคุมความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม รถยนต์สามารถวิ่งได้เฉพาะในพื้นที่เล็กๆ และค่อนข้างห่างไกลของเมืองบางแห่งเท่านั้น ทำให้การเข้าถึงบริการนี้ทำได้ยากสำหรับคนส่วนใหญ่

รอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนสิงหาคมว่า เมืองต่างๆ ของจีนอย่างน้อย 19 แห่งกำลังทดสอบรถแท็กซี่ไร้คนขับและรถบัสไร้คนขับ โดย 7 แห่งได้รับการอนุมัติให้ทดสอบโดยไม่ใช้ระบบตรวจสอบคนขับโดยบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอย่างน้อย 5 แห่ง ได้แก่ Apollo Go, Pony.ai, WeRide, AutoX และ SAIC Motor

Baidu

ยักษ์ใหญ่ด้านการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตของจีน ก้าวเข้าสู่ตลาดแท็กซี่ไร้คนขับด้วย โครงการ Apollo Go ตั้งแต่ปลายปี 2021 ให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับในเมืองต่างๆ หลายแห่งในประเทศจีนแล้ว

ในไตรมาสที่ 2 ของปี บริษัทให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับเกือบ 900,000 เที่ยว ซึ่งเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามรายงานผลประกอบการล่าสุดของบริษัท และเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับไปแล้วกว่า 7 ล้านเที่ยว

มีรายงานว่า Baidu Apollo ขาดทุนกว่า 1.9 พันล้านหยวน (ประมาณ 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือราว 8,620 ล้านบาท ในปี 2022 โดยส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและการทดสอบระบบการขับขี่อัตโนมัติ

ล่าสุด Baidu กำลังวางแผนเปิดตัวบริการแท็กซี่ไร้คนขับนอกประเทศจีน โดยหวังจะบุกเบิกตลาดรถยนต์ไร้คนขับระดับโลก เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และตะวันออกกลาง ตามรายงานจากสื่อต่างๆ เช่น Nikkei Asia และ Wall Street Journal ที่อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

เครดิต เว็บไซต์ Apollo Go

Pony.ai

เป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติจากจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ของ Toyota บริษัทนี้ได้รับการประเมินมูลค่าสูงถึง 8.5 พันล้านดอลลาร์ 

ปี 2021 บริษัทระดมทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายการทดสอบบริการในหลายเมืองในจีนและสหรัฐฯ แต่ยังคงขาดทุนต่อเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการวิจัยและโครงสร้างพื้นฐาน

Pony.ai เป็นบริษัทแรกที่ดำเนินการใช้รถยนต์ไร้คนขับอย่างเต็มรูปแบบทั้งในปักกิ่งและกว่างโจว และเป็นบริษัทแรกๆ ในประเทศจีนที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการใช้รถยนต์ไร้คนขับอย่างเต็มรูปแบบในเมืองระดับ 1 ทั้ง 4 เมืองในประเทศจีน (ปักกิ่ง กว่างโจว เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น)

ปัจจุบัน Pony.ai ยังได้ริเริ่มความร่วมมือการขับขี่อัตโนมัติในเกาหลีใต้ ลักเซมเบิร์ก ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีกด้วย โดย ซาอุดีอาระเบีย เข้าลงทุน 3,400 ล้านบาทใน Pony.ai เพื่อหวังให้มาเปิดบริการในเมืองใหม่อย่าง Neom เมืองที่เน้นด้านนวัตกรรม

เครดิต Pony.ai

 AutoX

เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่เป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดแท็กซี่ไร้คนขับของจีน โดยมี Alibaba เป็นหนึ่งในนักลงทุนหลัก AutoX ได้เปิดตัวบริการทดลองแท็กซี่ไร้คนขับในเซินเจิ้น แต่บริษัทก็เผชิญกับความท้าทายทางการเงิน บริษัทใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการพัฒนาเทคโนโลยีและขยายการทดสอบ ซึ่งทำให้ต้องพึ่งพาการระดมทุนเพิ่มเติมเพื่อความอยู่รอดและการขยายธุรกิจ

เหตุผลการขาดทุนในธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับ

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับประสบกับการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง คือ ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สูงมาก การสร้างระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซ็นเซอร์ LIDAR กล้อง AI และต้องได้รับการตรวจสอบและความช่วยเหลือจากมนุษย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทำงานได้อย่างปลอดภัย

ระบบประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน บริษัทต้องใช้เงินทุนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา แต่ผลลัพธ์ยังไม่สามารถออกมาเป็นบริการที่ทำกำไรได้

ระบบขับอัตโนมัติรุ่นนี้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแท็กซี่ทั่วไปมาก การนั่งแท็กซี่ไร้คนขับอาจมีราคาแพงกว่าแท็กซี่ของบริษัทอื่นหลายเท่า ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่แท็กซี่ไร้คนขับจะแข่งขันกับบริการเรียกรถร่วมกันได้ อย่างน้อยก็จนกว่าแท็กซี่ไร้คนขับจะออกสู่ท้องถนนได้มากขึ้น จนกว่าแท็กซี่ไร้คนขับจะมีราคาถูกลง 

โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับยังไม่รองรับอย่างเต็มที่ในหลายพื้นที่ เช่น ถนนที่ไม่มีสัญญาณหรือแผนที่ที่ไม่แม่นยำพอ การขาดกฎระเบียบที่แน่นอนเกี่ยวกับการขับขี่อัตโนมัติก็เป็นปัจจัยที่ทำให้การขยายตัวของธุรกิจนี้ช้ากว่าที่คาดหวัง

อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งที่ยังคงมีอยู่สำหรับแท็กซี่ไร้คนขับ นั่นคือ ยังคงทำงานผิดปกติอยู่เป็นบางครั้ง ประสบการณ์เลวร้ายของ Cruise ในตุลาคม 2023 เมื่อคนขับซึ่งเป็นมนุษย์ (ในรถยนต์ที่ไม่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ) ชนคนเดินถนนในซานฟรานซิสโกและขับรถหนีจากที่เกิดเหตุ รถยนต์ที่วิ่งผ่านมาได้พุ่งทับเหยื่อและลากไปเป็นระยะทาง 20 ฟุต ก่อนจะหยุด 

ทั้งนี้ ธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับอาจจะเป็นเส้นทางสู่อนาคตที่สดใสหากสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ แต่หากไม่สามารถทำได้ ก็อาจกลายเป็นหลุมดำทางการเงินที่ดูดกลืนการลงทุนอย่างมหาศาลจากบริษัทชั้นนำทั่วโลก

อ้างอิงข้อมูล