สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเหนือระดับ 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันศุกร์ (18 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ,ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสหรัฐฯ และการคาดการณ์นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ซึ่งผลักดันราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ การที่อิสราเอล ,กลุ่มฮามาส และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยืนยันที่จะยังคงต่อสู้รบกันต่อไปในฉนวนกาซาและเลบานอนนั้น ได้ทำลายความหวังที่ว่า การตายของผู้นำกลุ่มฮามาสจะยุติสงครามในตะวันออกกลางลงได้
ส่วนความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ เนื่องจากต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และมีความกังวลเกี่ยวกับความไร้เสถียรภาพในตลาดทั่วโลก
ข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า ราคาทองคำทำลายสถิติหลายครั้งในปีนี้ เนื่องจากความคาดหวังเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางต่าง ๆ และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่า 30% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งถือเป็นการขยายตัว รายปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2522
อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำทำให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะทองคำไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. เว้นแต่ว่าข้อมูลเศรษฐกิจจะบ่งชี้เป็นอย่างอื่น ขณะที่เครื่องมือ CME Fedwatch บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงคาดว่า มีโอกาส 92% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนพ.ย.