"ราคาทอง" นิวยอร์กปิดบวก 0.83% พุ่ง 2,700 ดอลล์ หลังสงครามตะวันออกกลางหนุน

19 ต.ค. 2567 | 02:17 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ต.ค. 2567 | 02:17 น.

"ราคาทอง" นิวยอร์กปิดบวก 0.83% พุ่ง 2,700 ดอลล์ หลังสงครามตะวันออกกลางหนุน ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสหรัฐฯ และการคาดการณ์นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายช่วยดัน

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเหนือระดับ 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันศุกร์ (18 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ,ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสหรัฐฯ และการคาดการณ์นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ซึ่งผลักดันราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์

  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 22.50 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ 2,730.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ หรือ 4.59% ปิดที่ 33.234 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 18.70 ดอลลาร์ หรือ 1.86% ปิดที่ 1,024.50 ดอลลาร์/ออนซ์
     
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 39.50 ดอลลาร์ หรือ 3.78% ปิดที่ 1,084.90 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ การที่อิสราเอล ,กลุ่มฮามาส และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยืนยันที่จะยังคงต่อสู้รบกันต่อไปในฉนวนกาซาและเลบานอนนั้น ได้ทำลายความหวังที่ว่า การตายของผู้นำกลุ่มฮามาสจะยุติสงครามในตะวันออกกลางลงได้

ส่วนความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ เนื่องจากต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และมีความกังวลเกี่ยวกับความไร้เสถียรภาพในตลาดทั่วโลก

ข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า ราคาทองคำทำลายสถิติหลายครั้งในปีนี้ เนื่องจากความคาดหวังเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางต่าง ๆ และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่า 30% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งถือเป็นการขยายตัว รายปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2522

อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำทำให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะทองคำไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. เว้นแต่ว่าข้อมูลเศรษฐกิจจะบ่งชี้เป็นอย่างอื่น ขณะที่เครื่องมือ CME Fedwatch บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงคาดว่า มีโอกาส 92% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนพ.ย.