นายพรชัย ฐิระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 - กันยายน 2567) จำนวน 2,792,872 ล้านบาท ซึ่งมีผลการจัดเก็บต่ำกว่าประมาณการ 4,128 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.1 แต่สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 4.7
โดยการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ การจัดเก็บรายได้ของส่วนราชการอื่น กรมศุลกากร และกรมธนารักษ์สูงกว่าประมาณการ ขณะที่การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต และกรมสรรพากรต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
ทั้งนี้ การจัดก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตได้รับผลกระทบจากมาตรการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 -เมษายน 2567 รวมถึงมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค
นอกจากนี้ การจัดเก็บรายได้จากการนำเข้า (ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าและอากรขาเข้า) ขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณการ เนื่องจากเกิดการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของค่าเงินบาทในเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังคงจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับประมาณการ
ขณะที่ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดของปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 2,791,721 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 3,542,397 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 583,000 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 514.101 ล้านบาท