นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยที่จะเป็นจุดหมายปลายทางของภูมิภาคในการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ
โดยมาจากโครงสร้างพื้นฐานที่ดี รวมถึงวัฒนธรรมการทำธุรกิจที่เปิดกว้าง ซึ่งล่าสุดได้มีการจัด Exhibition Industry Summit 2024 โดยมีผู้นำซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจของบริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้านานาชาติยักษ์ใหญ่จากยุโรปและเอเชียมารวมตัวกัน ได้รับฟังวิสัยทัศน์ ข้อมูลเชิงลึก และทิศทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการจัดงานสินค้านานาชาติโดยตรงจากผู้นำและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจระดับสูงของไทย
ทั้งนี้ จึงมีผลต่อการตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานในอนาคตของผู้จัดงานขนาดใหญ่ระดับโลก โดยผู้เข้าร่วมงานได้แสดงความมั่นใจว่า ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับจัดงานแสดงสินค้า การทำธุรกิจที่เน้นการพบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็น ลงทุน และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ
นอกจากนี้ คณะผู้ร่วมงานฯ ได้ร่วมการประชุมโต๊ะกลมกับผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลไทย เพื่อหารือประเด็นสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยผู้แทนภาครัฐของไทยแสดงความเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และดึงดูดนักลงทุนเข้ามามากขึ้น
รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาของธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่อง ซึ่งสอดรับกับนโยบายของภาครัฐที่เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้แก่ประเทศคิดเป็นร้อยละ 12 ของ GDP
นอกจากนี้ ยังได้ฟังข้อมูลที่น่าสนใจของประเทศไทย ทั้งในด้านศักยภาพของประเทศ ข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างมีศักยภาพ และแนวโน้มทิศทางของอุตสาหกรรมการจัดการแสดงสินค้านานาชาติ
อย่างไรก็ดี ผู้นำอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ได้ชี้ให้เห็นเทรนด์และโอกาสสำคัญ 3 เรื่องที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ประกอบด้วย
นอกจากนี้ ทีเส็บ ยังได้นำเสนอภาพประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางมูลค่าสูงแห่งเอเชีย (High-Value Added Destination) โดยใช้แนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเดินทางด้วยรถยนต์ไฮบริดและเรือพลังงานไฟฟ้า การรังสรรค์เมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและชุมชน สมุนไพรที่ทางโรงแรมปลูกเองและใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า เพื่อลดของเหลือใช้จากการปรุงอาหาร รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับวัฒนธรรมไทยในทุกมิติ เช่น ปรุงอาหารรสชาติแบบไทย การแสดงศิลปวัฒนธรรม เช่น โขน และหุ่นละครเล็ก ที่ผู้เข้าร่วมงานมีปฏิสัมพันธ์ได้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นธุรกิจกับความเป็นไทยได้อย่างลงตัว
คาดว่างาน Exhibition Industry Summit 2024 จะส่งผลให้สามารถดึงงานใหม่ๆ เข้ามาจัดในประเทศไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 60 งานตลอดระยะเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2568 - 2570) สร้างรายได้ให้แก่ประเทศเป็นมูลค่า 7,425 ล้านบาท มีผู้เข้าร่วมงานทั้งจากต่างประเทศและในประเทศรวมประมาณ 426,000 คน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากนักเดินทางที่มาร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทยรวมประมาณ 11,649 ล้านบาท