วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2567) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ กนช. รับทราบติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี 2567/2568 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วง ปี 2568
ทั้งนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมชลประทาน และกรมส่งเสริมการเกษตร ประชาสัมพันธ์การจัดสรรน้ำ ให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้าและเตรียมตัวได้ทันท่วงทีเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากน้ำโดยเฉลี่ยของปีนี้ มีปริมาณสูงมากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งจะเป็นข่าวดีของเกษตรกร โดยตามแผนเพาะปลูกพืช ฤดูแล้งปี 2567/68 ซึ่งเสนอมายังที่ประชุมครั้งนี้ ได้ประกาศพื้นที่ทำนาปรังเพิ่มเติม 12 ล้านไร่ ที่จะให้เกษตรกรที่ปลูกข้าว และชาวนาได้ทำนาปรังเพิ่มเติม
ทั้งนี้ตามแผนเพาะปลูกพืช ฤดูแล้งปี 2567/68 ที่ประชุมได้รับทราบรายละเอียดแผนเพราะปลูก ฤดูแล้งปี 2567/68 ภาพรวมมีทั้งหมด 15.38 ล้านไร่ แบ่งเป็น
อย่างไรก็ตามหากนับเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด กำหนดพื้นที่เพราะปลูกไว้รวม 8.81 ล้านไร่ แยกเป็น นาปรัง 8.05 ล้านไร่ และพืชผัก พืชไร่ อีก 7.6 แสนไร่
สำหรับอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำมูลที่มีปริมาณน้ำน้อย ที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมชลประทานสนับสนุนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้งนี้ และยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่คาดการณ์เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และหากพื้นที่ดังกล่าวมีแนวโน้มเสี่ยงขาดแคลนน้ำมากขึ้น ให้แจ้งไปยัง สทนช. เพื่อบูรณาการหน่วยงานเแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที
รวมถึงให้หน่วยงานที่เสนอขอรับงบกลาง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพฯ ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 68 เร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมของโครงการ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันทีเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณ โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนบริหารจัดการน้ำตามมาตรการรองรับฤดูแล้งอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ยังให้เพิ่มเติมแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ 69 ผ่านระบบ Thai Water Plan เนื่องจากพบว่ามีแผนงานโครงการสำคัญที่มีเหตุผลความจำเป็นส่งผลให้ยังไม่ได้เสนอผ่านระบบภายในกำหนดเวลาเดิม โดยแผนงานโครงการต้องผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดและคณะกรรมการลุ่มน้ำ ตามลำดับ และให้ตัดรอบโครงการในวันที่ 11 พ.ย. 67
นอกจากนี้ยังเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ 69 เพื่อปรับช่วงเวลาการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนให้มีความสอดคล้องกันยิ่งขึ้น โดย สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายเพื่อขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาวต่อไป