นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ลงคะแนนคัดเลือกประธานบอร์ด ธปท. และผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว เมื่อวันที่ 11 พ.ย.67 ที่ผ่านมา คณะกรรมการได้ส่งหนังสือไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดว่าจะได้รับหนังสือในวันที่ 19 พ.ย.นี้
สำหรับขั้นตอนหลังจากนั้น รมว.คลัง จะเป็นผู้เสนอรายชื่อประธานบอร์ด ธปท. ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ และเข้าสู่ขั้นตอนทูลเกล้าแต่งตั้งเป็นอันดับต่อไป ส่วนการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒินั้น เป็นดุลพินิจของ รมว.คลัง ว่าจะเสนอรายชื่อเข้าครม. หรือไม่ ซึ่งรมว.คลัง มีอำนาจในการลงนามแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเองได้
นายสถิตย์ กล่าวว่า เกณฑ์ในการคัดเลือกประธานบอร์ด ธปท. มี 2 ประการ ได้แก่
1. ผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย
2. มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย มีเงื่อนไขกรณีผู้ที่มีลักษณะต้องห้ามที่มีหน้าที่อยู่ในบริษัทที่อยู่ภายใต้กำกับของ ธปท. นั้น หากลาออกภายในระยะเวลาที่ประธานกรรมการฯ กำหนด สามารถดำรงตำแหน่งได้
“ข้อแรกผู้ถูกคักเลือก คุณสมบัติผ่านทั้งหมด ประการเรื่องคุณสมบัติ มี 2 ข้อ คือ ความรู้ความสามารถอันเป็นประโยชน์ต่อการประกอบภารกิจของ ธปท. โดยในระเบียบขยายความว่า ความรู้ หมายถึง ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ ความรู้เรื่องบัญชี และกฎหมาย รวมถึงความรู้อื่นอันเป็นประโยชน์ต่อกิจการของธปท. เมื่อตกผลึกเรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาแล้ว ก็นำไปสู่การคัดเลือก“
ขณะที่การคัดเลือก เป็นการลงคะแนนลับ ฝ่ายเลขานุการจะส่งเอกสาร และปากกาชุดเดียวกัน มาให้คณะกรรมการฯ เมื่อลงมติว่าจะกาว่าเลือกใคร ให้ทำเครื่องหมายกากบาท เพื่อความเข้าใจตรงกันของคณะกรรมการฯ ซึ่งได้ลงมติลับเรียบร้อย ผลออกมาอย่างที่ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจไปแสวงหาผลมา ผมขอยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมทุกประการ
ส่วนกรณีที่นักวิชาการและอดีตผู้ว่าการ ธปท. ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าไม่เห็นด้วย และมีเสียงคัดค้านที่ให้ผู้ใกล้ชิดทางการเมืองเข้ามานั้น นายสถิตย์ กล่าวว่า ประเด็นเหล่านั้น คณะกรรมการฯ ได้หารือในที่ประชุมทั้งหมด ที่สำคัญ คือ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย โดยเมื่อพิจารณาตามกรอบกฎหมายแล้ว ไม่มีลักษณะต้องห้าม ซึ่งเมื่อหลักเกณฑ์เป็นเช่นนั้น คณะกรรมการฯ ก็ต้องพิจารณา ส่วนเมื่อได้เข้าไปดำรงตำแหน่ง ประธานบอร์ด ธปท. แล้ว ต้องปฏิบัติตามจรรณยาบรรณของ ธปท. ต่อไป
ด้านกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้ได้รับตำแหน่งเป็นตัวแทนนักการเมืองนั้น นายสถิตย์ กล่าวว่า ตามกฎหมายหากเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในการเมือง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง เว้นแต่ได้พ้นหน้าที่นั้นไปแล้ว 1 ปี ฉะนั้น หากพ้นไป 1 ปีแล้ว ก็ถือว่าคุณสมบัติผ่าน เมื่อครบถ้วนตามนั้นแล้ว ถือว่าไม่มีอะไรเคลือบแคลง
“การตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ธปท. และประธานบอร์ด ธปท. กรณีเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนั้น แบ่งเป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ตำแหน่งทางการเมือง และปรึกษานายกรัฐมตรี ที่เป็นตำแหน่งส่วนตัว ไม่ใช่ตำแหน่งทางการ หากเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนตัวมิได้เป็นข้อห้าม ห้ามเฉพาะตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อล้วนมีส่วนทางการเมือง แต่ส่วนใหญ่ได้มีการลาออกเกิน 1 ปีแล้วทั้งสิ้น“
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสข่าวถุงการคัดเลือกประธานบอร์ด ธปท. เมื่อวันที่ 11 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ระบุว่า นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ในฐานะประธานกรรมการคัดเลือกฯ มีมติเลือก “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนถัดไป แทน นายปรเมธี วิมลศิริ ประธานกรรมการแบงก์ชาติที่สิ้นสุดวาระลงเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา