นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกเดินทางจาก นครลอสแอนเจลิสเมื่อเวลา 23:30 น. เมื่อคืนที่ผ่านมาเพื่อเข้าร่วมประชุมเอเปค
โดยจะได้พบกับผู้นำเขตเศรษฐกิจระดับโลก อาทิ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เพื่อกระชับความร่วมมือด้านต่าง ๆ รวมถึงพบปะกับภาคเอกชนสำคัญ ทั้ง Google Microsoft และ TikTok ซึ่งจะขอใช้โอกาสและเวทีนี้ ยืนยันว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับการลงทุนและการเมืองมีเสถียรภาพ เพื่อให้เกิดการดึงดูดการลงทุนมาสู่ประเทศไทย
ทั้งนี้นายกฯ ยังได้ประชุมสรุปผลการเยือนสหรัฐประกอบพร้อมด้วยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงต่างประเทศเอกอัครราชทูตประจำกรุงวอชิงตันดีซีและกงสุลใหญ่นครลอสแอนเจลิส และคณะทำงานทีมไทยแลนด์
โดยที่ประชุมสรุปผลภาพรวมภารกิจ เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ถือว่าได้พบปะชุมชนคนไทย และได้มอบนโยบายกับทีมไทยแลนด์ อีกทั้งยังได้หารือกับภาคเอกชนสหรัฐในด้านอิเล็กทรอนิกส์และภาพยนตร์ ซึ่งต่างชื่นชมผลงานรัฐบาลที่ได้มอบสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีให้แก่นักลงทุนเพื่อจูงใจการลงทุนและการถ่ายทำภาพยนตร์ ในประเทศไทย
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงภาพรวมภารกิจที่ได้เดินทางเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยกล่าวว่า วันแรกได้พบปะชุมชนชาวไทยในนครลอสแอนเจลิส ซึ่งมีคนจำนวนมากมาให้กำลังใจ ถือเป็นการเริ่มต้นภารกิจที่ดีและได้มีโอกาสแวะเยี่ยมชมตลาดภายในวัดไทยในนครลอสแอนเจลิส พบปะพูดคุยกับพี่น้องคนไทยที่มาร่วมให้กำลังใจ รวมทั้งได้มีโอกาสรับชมการแสดงของเยาวชนไทยด้วย
ขณะเดียวกันยังได้พบปะเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในภูมิภาคอเมริกา อาทิแคนาดา ชิลี เม็กซิโกฯ โดยได้มอบนโยบายรัฐบาล รวมถึงรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากทีมไทยแลนด์ ซึ่งได้เน้นย้ำกับคณะเอกอัครราชทูตให้มี “การทูตเชิงรุก” มากยิ่งขึ้น ซึ่งทีมไทยแลนด์เปรียบเสมือน “ทัพหน้าของประเทศไทย” ในต่างประเทศที่จะช่วยแสวงหาโอกาสและศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาสู่ประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
รวมถึงถือโอกาสนี้ ให้ช่วยกันเชิญชวนคนไทยในต่างประเทศที่มีศักยภาพกลับมาทำงานเพื่อพัฒนาประเทศไทยด้วย โดยรัฐบาลกำลังเร่งพัฒนาเพื่อสร้างโอกาสให้กับประเทศไทย
สำหรับวันที่สอง นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับผู้บริหารภาคเอกชนสหรัฐ ด้านอิเล็กทรอนิกส์และฮาร์ดไดรฟ์ คือ บริษัท WD หรือเวสเทิร์นดิจิตอล ซึ่งมีโรงงานอยู่ที่ประเทศไทยด้วย ในการหารือได้มีการผลักดันนโยบายพลังงานสะอาด ซึ่งรัฐบาลจะผลักดันความร่วมมือในเรื่องนี้เพื่อสร้างการจ้างงานให้คนไทยมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังได้ร่วมงานเลี้ยงรับรองเพื่อสร้างเครือข่ายกับนายชาร์ลส์ เอช. ริฟกิน ประธานและประธานกรรมการบริหาร สมาคมผู้สร้างภาพยนตร์แห่งสหรัฐฯ (MPA) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท ผู้ผลิต ภาพยนตร์ชั้นนําของสหรัฐฯ ซึ่งได้เน้นย้ำถึงนโยบายรัฐบาลที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย
โดยได้แจ้งให้บริษัทด้านภาพยนตร์ของสหรัฐฯ ทราบว่าประเทศไทยมีมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ในรูปแบบของการคืนเงินสูงสุดที่อัตราร้อยละ 30 และไม่กำหนดเพดานคืนเงินสูงสุดต่อโครงการ ซึ่งซีอีโอจากบริษัทต่างๆ ดีใจ และพร้อมส่งต่อข้อมูลสิทธิประโยชน์นี้ให้บริษัทในเครือได้รับทราบ ซึ่งจะเพิ่มการจ้างงานและโอกาสให้กับคนไทยในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น