โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ระยะเวลาลงทะเบียน 5 กันยายน 2565 - 31 ตุลาคม2565 กระทรวงการคลัง ได้เปิดให้ลงทะเบียนไปก่อนหน้านี้มีผู้ผ่านคุณสมบัติและได้รับสิทธิไปแล้วก่อนหน้านี้จำนวน 14.55 ล้านราย
แต่ปรากฏว่าการประชุมคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม รับทราบถึงสวัสดิการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน พบว่า มีประชาชนที่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ไม่ได้ไปยืนยันตัวตน ซึ่งยังค้างอยู่ในระบบไม่ได้รับสวัสดิการกว่า 1 ล้านคน เข้าไปตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์
ตรวจสอบสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนี้
- เข้าไปที่เว็บไซต์ https://welfare.mof.go.th/
- ถัดจากนั้นไปที่ ตรวจสอบสถานะลงทะเบียน (คลิก)
- กรอกเลขที่บัตรประชาชนจำนวน 13 หลัก
- กรอก วัน เดือน ปี
- คลิกตรวจสอบข้อมูล
- หากตรวจสอบสิทธิแล้วมีชื่อปรากฏ ขั้นตอนต่อไปยืนยันตัวตนที่ ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา
ยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้เงินย้อนหลังหรือไม่
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แจ้งชัดเจนแล้วกลุ่มตกหล่นที่ตรวจสอบสิทธิผ่าน และ ยืนยันตัวตนสำเร็จ จะไม่ได้เงินย้อนหลังแต่อย่างใด
ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้รับสิทธิดังนี้
ทุกวันที่ 1 ของเดือน (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
- วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน (สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตน 27 ส.ค. - 26 ก.ย. 67 และเริ่มใช้สิทธิได้ 1 ต.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง)
- วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ต.ค. - ธ.ค. 67)
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน (ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ)
ทุกวันที่ 20 ของเดือน
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน ที่ยืนยันตัวตน 27 ส.ค. - 26 ก.ย. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท).