เอกชนไทย ทำงานหนักขึ้น 50 ชม.+ ต่อสัปดาห์ แต่เงินเดือนแพ้แรงงานอิสระ

25 พ.ย. 2567 | 09:47 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ย. 2567 | 10:01 น.

สภาพัฒน์ เผยรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 3 พบข้อมูลการจ้างงานยังทรงตัว แต่พบว่าคนรุ่นใหม่ช่วงอายุ 20-29 ปี ที่ไม่มีประสบการณ์ว่างงานสูง ขณะที่บริษัทเอกชนทำงานหนักขึ้น 50ชม.+ /สัปดาห์ โอทีพุ่ง แต่ขณะเดียวกันเงินเดือนกลับแพ้แรงงานอิสระ

รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 3/2567 โดยสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 67 ถึง “สถานการณ์แรงงาน” เนื้อหาระบุว่า สถานการณ์ตลาดแรงงานในไตรมาสสาม ปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของแรงงานในหลายภาคส่วน โดยมีผู้มีงานทำจำนวน 40.0 ล้านคน ลดลงจากไตรมาสสามของปี 2566 เล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1

แม้ว่าการจ้างงานโดยรวมจะค่อนข้างทรงตัว แต่การเปลี่ยนแปลงในภาคส่วนต่าง ๆ สะท้อนถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น ปัญหาอุทกภัย การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจ้างงาน
 

พิษน้ำท่วมกระทบแรงงานภาคเกษตรกรรม

การจ้างงานในภาคเกษตรกรรมลดลงถึง ร้อยละ 3.4 จากไตรมาสสามของปีก่อนหน้า โดยปัจจัยสำคัญคือสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกในหลายภูมิภาค เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งทำให้เกษตรกรไม่สามารถเพาะปลูกหรือเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ อีกทั้งความผันผวนของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกยังกดดันรายได้ของเกษตรกร

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจในชนบทที่แรงงานบางส่วนย้ายออกไปทำงานในภาคนอกเกษตร เช่น ภาคอุตสาหกรรมและบริการ ส่งผลให้การจ้างงานในภาคเกษตรกรรมลดลงต่อเนื่องในระยะยาว

ภาคบริการ-โลจิสติกส์-โรงแรมและภัตตาคารเติบโต

ในทางกลับกัน การจ้างงานนอกภาคเกษตรขยายตัวได้ถึง ร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มที่เติบโตมากที่สุดคือ การขนส่งและการเก็บสินค้า ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 14.0 สะท้อนถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการค้าออนไลน์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง

กลุ่มโรงแรมและภัตตาคาร ยังคงมีการขยายตัวต่อเนื่องถึง ร้อยละ 6.1 อันเป็นผลจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศและการเปิดประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ในส่วนของ ภาคก่อสร้าง แม้จะขยายตัวเพียงเล็กน้อยที่ ร้อยละ 0.7 แต่ยังคงมีบทบาทสำคัญในเขตเมืองที่มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่

 

ภาคการผลิตลดลงเจอการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี

การจ้างงานในภาคการผลิตลดลงถึง ร้อยละ 1.4 โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เช่น การเปลี่ยนจากฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ไปสู่โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) และการเปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ต้องการชิ้นส่วนและแรงงานที่มีทักษะสูงมากขึ้น

ทั้งนี้ ความต้องการแรงงานในภาคการผลิตยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับเทคโนโลยีขั้นสูงและตอบสนองความต้องการของตลาดโลก

 

ชั่วโมงการทำงานเพิ่มขึ้น

แรงงานในภาคเอกชนมีชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็น 47.4 ชั่วโมง หรือร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่แรงงานในภาพรวมมีชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยอยู่ที่ 43.3 ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 การทำงานล่วงเวลาของแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานเกิน 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ซึ่งเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.8

  • ทำงาน 40 ชั่วโมงขึ้นไป 29 ล้านคน (ไตรมาส2 28.3ล้านคน)
  • ทำงาน 50 ชั่วโมงขึ้นไป 6.9 ล้านคน (เท่ากับไตรมาส2) 

 

ค่าแรงคนทำงานอิสระแซงเอกชน

ค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นทั้งภาพรวมและภาคเอกชน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเมื่อต้นปี 2567 โดยค่าจ้างเฉลี่ยในภาพรวมของกลุ่มแรงงานในระบบ (ตามการจัดเก็บแบบเดิม) อยู่ที่ 15,718 บาท ต่อคนต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสสาม ปี 2566 ร้อยละ 1.8

ขณะที่ค่าจ้างเฉลี่ยในภาพรวมที่รวมกลุ่มแรงงานอิสระอยู่ที่ 16,007 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนค่าจ้างเฉลี่ยของภาคเอกชน อยู่ที่ 14,522 บาทต่อคนต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 2.7

 

ผู้ว่างงานและแนวโน้มระยะยาว

จำนวนผู้ว่างงานในไตรมาสนี้อยู่ที่ 410,000 คน คิดเป็นอัตราว่างงาน ร้อยละ 1.02 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (ร้อยละ 0.99)

อย่างไรก็ตาม การว่างงานระยะยาวเพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 16.2 โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 20-29 ปีที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงาน

 

ที่มาข้อมูล : รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 3